สมาชิกคันเก่า…
==========
สวัสดีครับ ผมชื่อป๋องครับ …ใช้ Pongroofman เป็นชื่อในโลก online
ได้เข้ามาที่ Web ECT (Elantra Club Thailand) เมื่อวาน (20 Oct 2014) นี่เองครับ ..
โดยตั้งใจเข้ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับ รถ Elantra คันนี้…
เข้ามาแล้วก็เห็นว่า Web ECT สมาชิกยังไม่เยอะมาก ผมเข้ามามี 23 คน ตัวเองอยากเป็นสมาชิกด้วยและอยากได้ เลข 25 เลยไป Post บอกไว้ก่อน …อิอิ ไม่มีอะไรมากครับ แค่ 25 เป็นวันเกิดครับ จะได้จำง่ายๆ
เข้ามาแล้วเลยขอบันทึกเรื่องราวของรถคันนี้ไว้หน่อยครับ … เผื่อว่าเวลาผ่านไป จะได้จำได้ถึงการได้มาเจอกันในครั้งนี้ …
รถคันนี้เป็นรถที่ผมแคะกระปุกไปซื้อมา เป็นคันที่ ห้าในชีวิตละครับ ประสบการณ์ในการเลือกรถแต่ละคันก็สอนเอาไว้เรื่อยๆ ว่า เลือกรถแต่ละคันควรจะดูอะไรบ้าง
คันแรก Toyota Corolla GTI 1600 CC สีขาว
<ไว้จะหารูปมาแปะนะครับ>
รถคันแรกของผมเป็นยุคที่รถยนต์ มีการปรับราคาลงมา เนื่องจากโครงสร้างภาษีครับ ทำให้ฝันของคนอยากมีรถ กลายเป็นความจริง …โดยตอนแรกที่ไปจองรถ ผมซื้ออีกรุ่นนึงเป็น Colora เหมือนกัน แต่ระบบจ่ายน้ำมันเป็นคาร์บิว …พอเดินไปดูรถ เห็น เจ้า GTI นี่จอดอยู่ มีอะไรหลายอย่างที่แตกต่างกัน แต่ตัวที่ทำให้ผมตัดสินใจคือความเป็น sport sedan ในยุคนั้น เพราะ เครื่องหัวฉีด 1,600 CC ที่ให้มานั้น ให้กำลังถึง 130 HP เลยทีเดียว แถม ตัวรถก็แต่แผง Dashboard ใหม่ เป็นเรือนยาว ให้ Disc เบรคสี่ล้อ และ อื่นๆ มากมาย ทำให้ราคาที่ตอนแรกจะซื้อ 460,000 กลายเป็น 570,000 ไปในพริบตา ..
ตอนนั้น เครื่องหัวฉีด ยังเป็นของใหม่ครับ รถส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมีวิ่งกัน
สิ่งที่เรียนรู้ตอนนั้นคือ รถที่เป็นรถตลาด อะไหล่จะหาง่ายครับ ของมีทุกชิ้นรอไม่กี่วัน แต่เรื่องของค่า maintenance ผมเฉยๆ กับศูนย์เพราะตอนนั้น โชคไม่ค่อยดี เจอช่างไม่ค่อยเก่ง การวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ อธิบายได้ไม่ค่อยดี ดังนั้น หลังๆ มาสำหรับการซ่อมแซมเอง บางอย่างก็ออกมาทำนอกศูนย์บ้างครับ
ผมเรียกรถคันนี้ว่า GTI สมัยนั้น ไม่มี Social network เลยไม่ได้เรียกให้ใครได้ยิน ได้รู้มากนัก ชื่อของรถ ก็คือ รุ่นของรถนั่นเอง
ค้นที่สอง Hyundai Tiburon 2.0 สีแดง
คันนี้เป็นรถที่ผมประทับใจตั้งแต่แรกเห็นครับ … เพราะการออกแบบที่ไม่เหมือนรถคันอื่นๆ แถมหน้าตาแปลก (เรียกได้ว่าถ้าไม่ชอบรถแบบนี้ หน้าตาจะหน้าเกลียดไปเลย) เป็นรถ เกียร์ออโต้ คันแรกของผมครับ ใช้งานกันมานาน ..เรียกได้ว่า อยู่กันจนเปลี่ยนอะไหล่กันแทบจะทุกชิ้นแล้ว ถือเป็นรถที่สวย และ รูปทรงอยู่ได้นาน ไม่เบื่อครับ
การใช้รถผลิตจากเกาหลี ตอนนั้นของผม มีแต่คนถามครับ ว่า คิดยังไง … ผมไม่เคยตอบหรอกครับ เพราะว่า มันเป็นความ”ชอบ” ของเรา และ คิดว่าข้อดี ในความเห็นเรา อาจจะไม่ใช่ข้อดีในความคิดคนอื่น ก็ได้ …
รู้แต่ว่า เวลาเราได้ทำอะไรที่เราชอบ ทุกครั้งที่เราได้ทำ มันจะมีความสุข รถคนนี้ก็เหมือนกันครับ ทุกครั้งที่ผมขับ ผมจะรู้สึกดี และ ภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ ถึงแม้หลังๆ รถจะมีเสีย มีอะไรตามสภาพ แต่ผมก็ซ่อมแซมมันไปครับ จำได้ว่า การซ่อมล่าสุดตอน Hyundai motor เข้ามาทำตลาดเอง ผมเอาไป service ที่ศูนย์ตรง พหลโยธิน (ใกล้ตึกช้าง) บอกให้ช่างทำช่วงล่างให้สภาพดี พอเช็คบิลออกมา สี่หมื่นกว่าบาท เดือนนั้น อดกินขนมไปเลย
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากคันนี้ คือ การดูแล และ สังเกตอาการผิดปกติของรถ และ เพื่อไม่ให้มีอาการที่หนัก และ ต้องไปเสียกลางทางครับ และ ศูนย์บริการ ไม่จำเป็นต้องเยอะหรอกครับ ขอให้มีที่ๆ สะดวกที่เราจะเดินทาง และ มีช่างที่มีความรู้วิเคราะห์ปัญหาได้ พร้อมระบบการสั่งอะไหล่ที่ไม่ใช้เวลานานมาก ก็เยี่ยมยอดแล้วครับ
ผมเรียกคันนี้ว่า Tibby ครับ … และ Tibby คันนี้ละมังครับที่ทำให้ผมเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อรถเกาหลี
คันที่สาม Honda Accord Generation ที่ 7
เห็นรถคันนี้ครั้งแรก ผมก็ชอบเลย เพราะรูปทรงมันดูปราดเปรียว และ เมื่อเทียบกับ รถขนาดใหญ่ ด้วยกัน อย่าง Camry ตอนนั้น Camry ออกแบบเรียบมาก ที่ชอบมากๆ อีกที่คือ ภายใน ที่มีปุ่มต่างๆ ค่อนข้างเยอะ เวลาขับเหมือนกับกำลังบังคับยานอวกาศ ฮ่าๆๆ
พอได้ใช้เลยรู้สึกได้ว่า รถที่เป็น size ใหญ่ จะให้การขับขี่ที่นุ่มนวลมาก และ option ที่ให้มาก็จะดีกว่ารถขนาดกลางเยอะ อย่างเช่นการปรับระดับของเก้าอี้ รถระดับกลางส่วนใหญ่ก็จะเป็น manual ในขณะที่รถใหญ่ จะเป็นไฟฟ้าทั้งหมด
สิ่งที่เรียนรู้จากตรงนี้คือ รถใหญ่ การกินน้ำมันก็จะเพิ่มตามตัว ทำให้ผมได้แนวคิดการใช้พาหนะ ที่ใช้น้ำมันได้อย่างคุ้มค่า และ การดูเรื่อง option ต่างๆ ที่ต้องมองว่าจำเป็น หรือ ฟุ่มเฟือย เกินไป สำหรับรถหนึ่งคัน
คันที่สี่
Suzuki Swift 1.5
….. และแล้วสีน้ำเงินก็เข้ามาในชีวิตผม
เป็นรถเล็กคันแรกที่ได้เล่นครับ ตอนนั้นกำลังมองหาของถูกใจโดยมีเงื่อนไขว่า ต้องเป็นสีน้ำเงิน …
และแล้ววันนึงผมก็เจอครับ ตอนไปดูหนังที่ พารากอน เจ้า Swift ตัวแต่งเต็ม (แบบ Hikari) ตัวนี้ จอดสะดุดตาอยู่ …หลังสอบถามเร็วๆ ก่อนรีบเข้าไปดูหนัง วันรุ่งขึ้นใบจองก็อยู่ในมือ พร้อมกับเงื่อนไขว่า ให้ส่งรถภายในสองอาทิตย์ และ แต่งให้เหมือนกับที่เห็นวันนี้ …
ความรู้สึกตอนซื้อ swift ตอนนั้น คงไม่ต่างจากการตัดสินใจเป็นเจ้าของ Elantra ตอนนี้ เพราะตอนที่ซื้อนั้น ยังไม่มีใครรู้จัก Suzuki Swift ในนามของรถเก๋งขนาดเล็กที่สวยงาม วัสดุดี แต่ติดภาพ Suzuki ที่ทำตลาดรถจี๊ป กับ รถบรรทุกเล็กในอดีต
เหตุผลที่ผมเลือก ตัว Swift ตอนนั้น เพราะเชื่อมั่นใน ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ เนื่องจาก เวลาที่มีโอกาสเดินทางไปยังประเทศทางโซนยุโรป เช่น เยอรมัน ผมพบว่า ในประเทศที่รถส่วนใหญ่จะเป็น BMW Benz หรือ Audi กลับ มี เจ้า Swift นี่วิ่งอยู่ให้เห็นได้บ่อยๆ ทั้งๆ ที่รถจากญี่ปุ่น เมื่อมาจำหน่ายที่นี่ ราคาไม่ได้ถูกมากเลย
วันนั้นที่ตัดสินใจเป็นเจ้าของ ไม่ได้กังวลอะไร เพราะรู้อยู่อย่างเดียวว่า ถ้าเราได้ใช้รถที่เราพบว่าเราชอบ นอกนั้นเช่นเรื่องบริการ ให้เป็นภาระของคนที่นำมาขายก็แล้วกัน เตรียมตังส์เอาไว้ก็พอ…
การครอบครอง Swift วันนั้น ทำให้ ผมได้เข้าสู่ คลับ SSC (Suzuki Swift Club Thailand) และได้มิตรภาพจากเพื่อนในคลับหลายท่าน จากวันแรกที่ใช้ ถึงวันนี้ ก็ ห้าปี และแล้ววันนี้ผมก็เห็น Swift วิ่งกันเต็มเมือง และที่สำคัญ มิตรภาพของชาว SSC ยังคงอยู่ ถึงจะเหมือนเดิม จากการปรับเปลี่ยนรุ่น (มีรุ่น 1.2 มาจำหน่ายเป็น eco car) แต่ก็ยังติดต่อ และ มีกิจกรรมให้เจอกันอยู่เสมอ
สิ่งที่ผมเรียนรู้ จากการใช้ Swift คือ การใช้รถที่กำลังบุกเบิกตลาดใหม่ การพัฒนาบุคคลากร และ ยกระดับงานบริการ เป็นเรื่องสำคัญ ผมเอง ได้รับการบริการที่ดีมากๆ จากศูนย์ของ Suzuki มาโดยตลอด ข้อดีอีกอย่างของ รถรุ่นนี้คือ ความนิยมในการนำรถมาตกแต่ง ทำให้ ของแต่งของรถรุ่นนี้ มีเยอะมากๆ และ สวยงามเสริมคุณค่าให้ตัวรถได้เป็นอย่างดี …จนสามารถบอกได้ว่า รถรุ่นนี้ ช่วงที่ผมออกมาแรกๆ ไม่มีคันไหน ที่จะใช้ในแบบ Stock ที่โรงงานทำออกมาเลย อย่างน้อย ก็ต้องมีการตกแต่ง แม้กระทั่งติด sticker ก็ยังดี
และแล้ว ก็มาถึง ณ.จุดๆ นี้ครับ
รถคันที่ห้า .. Hyundai Elantra sport 1.8 GLS Navi
คำถามแรกคือ .. ทำไมถึงเป็นคันนี้…
คำถามนี้เป็นคำถามสั้นๆ ง่ายๆ …ทำไมถึงเลือก Hyundai?
เป็นคำถามที่ผมอยากจะแปลว่า ทำไมเลือกรถคันนี้? มากกว่า เพราะ การระบุว่า Hyundai นั้นหมายถึง Brand รถยนต์จากค่ายเมืองโสม ไม่ได้จำเพาะเจาะจง ถึง รถรุ่น Elantra sport ที่ผมเลือก
การเลือกรถหนึ่งคัน สำหรับผม นั้น เรื่อง Basic พื้นฐาน ที่ควรมี ก็คงไม่ต่างจากรถรุ่นอื่นๆ หากแต่ ต้องการ สิ่งพิเศษ เพิ่มเติมอีก นิดหน่อยครับ
รูปแบบ
1. รูปทรงออกแบบ ต้องล้ำสมัย ดูไม่เรียบ จืดชืด อย่างน้อยๆ คนที่พบเห็นต้องรู้สึกแปลกตา และ รู้สึกว่ามีความแตกต่างจากรถทั่วไป
2. มีลักษณะเด่นพิเศษ ในการออกแบบ เช่น ไฟหน้า หรือ ไฟท้าย ต้องเก๋ บ่งบอกถึงความตั้งใจในการออกแบบ
3. แผงโดยสาร ต้องออกแบบให้ดู ล้ำยุค ไม่ดู โบราณ หรือ ดู แบบแนวอนุรักษ์ การมีสันสัน หรือ ข้อมูลในการแสดงผล เยอะๆ จะชอบมาก
4. มีปุ่มสำหรับควบคุมระบบต่างๆ ที่ออกแบบให้ใช้ง่าย ไม่ว่าอยู่บน dashboard หรือ บนพวงมาลัย
5. กำลังเครื่อง ต้องสูง เมื่อเทียบกับ CC แรงบิด ดีที่รอบไม่สูงมาก สำหรับการเร่งแซง
ุ6. อัตราการกินน้ำมัน เทียบกับน้ำหนักรถ ต้องสูง (น่าจะต้องเกิน 65 kgรถ/liter น้ำมัน)
7.ระบบความปลอดภัย เทคโนโลยีใหม่ๆ (หลังใช้รถสักพัก จะพบว่าระบบพวกนี้ช่วยให้การขับขี่ดีขึ้นครับ เหมือน ที่เราเคยรู้สึกว่า ทำไม รถยุโรป ราคาแพงมักจะขับดี เป็นเพราะว่า รถเหล่านี้ มีระบบพวกนี้มาให้ด้วยอยู่แล้ว)
8. คุณภาพของวัสดุที่นำมาใช้ ต้องดูแล้วมีราคา ไม่ดูแล้วเหมือนของถูก
9. ศูนย์บริการไม่ไกลจากบ้านมาก และ บริเวณที่ซ่อมดูแล้วมีความพร้อม เป็นระเบียบสวยงาม
10. ระบบการเตรียมอะไหล่ มีประสิทธิภาพดี (อันนี้ การเลือกใช้รถที่มียอดจำหน่ายเยอะ อาจจะช่วยให้มีความพร้อมมากกว่ารถที่จำหน่ายน้อย)
11. เข้าไปนั่งแล้ว ไม่คับแคบ ผมสูง 175 cm ดังนั้น ต้องเลือกรถที่เหมาะกับสรีระ และ ตำแหน่งคนข้บ ต้องสามารถปรับเบาะ จนได้ตำแหน่งที่นั่งสบายและควบคุมรถได้ดี
12. ไม่เกร่อ ข้อสุดท้ายนี้ ถึงแม้รถจะดี แต่ คนใช้เต็มบ้านเต็มเมืองก็ไม่ชอบครับ
และที่สำคัญ ข้อสุดท้าย
13. ราคาต้องไม่เกินล้านบาท สำหรับ C segment รถ Size นี้
สิบสามอย่างนี้ มันมา โป๊ะเชะ กับ Elantra ปี 2015 นี่ล่ะครับ ทำให้ผมรู้สึกว่า “ต้องโดน”
แต่เรื่องของเรื่องมันต้องมีเหตุครับ …วันที่ผมมาพบรักกับ Elantra นั้น ดันมาเกิดเหตุที่ ศูนย์ Honda ซะงั้น ….
<ยังมีต่อ …คงต้องเขียนกันอีกยาว>