Posts from the ‘การป้องกันอุบัติเหตุ’ Category

คุณโชคดีที่เมียผมท้อง


คุณโชคดีที่เมียผมท้อง

ตอนกลางคืนมีเพื่อนชวนไปทานข้าวแถวคอนโด ผมเลยขับรถออกมา ช่วงกลางคืนจะใส่แว่นและขับช้าๆ เพราะ สายตาไม่ดี
มาถึงร้านข้าวผัดปู พระราม 5 เห็นรถปิ๊กอัพ จอดทางซ้ายตรงทางเข้าร้าน ยังนึกในใจว่าจอดตรงนี้เลี้ยวเข้าอันตราย เพราะ ไม่รู้ว่ารถจะเดินหน้า หรือไม่
พอรถมาใกล้ๆ จึงเห็นว่ารถเคลื่อนตัวเลยทางเข้าไปแล้ว โดยท้ายรถอยู่เลยปากทางเข้าพอดี

ผมเลี้ยวซ้ายเข้าร้าน ระหว่างกำลังจะเลี้ยว เห็นรถคันดังกล่าว เปิดไฟถอย

ผมรีบบีบแตร ให้สัญญาณ รถผมคันนี้แตรมาตรฐานติดรถ เสียงไม่ดังเหมือนรถมอเตอร์ไซต์ บีบไปเกรงจะไม่ได้ยิน เพราะไฟถอยไม่ลด หากถอยต่อก็จะชนแน่ เพราะ ถอยหลังมา เลยรัวไป 4 ปี๊บ

รถหยุด ผมเลี้ยวจอด สังเกตุเห็น รถคันดังกล่าวถอย แล้วเลี้ยวเข้ามาในร้าน มาจอดอยู่ท้ายรถผม ผมนึกในใจ วันนี้อาจจะมีสถานการณ์…

พอลงจากรถ รถปิ๊กอัพ เปิเกระจก มีผู้ชายร่างใหญ่ มากับผู้หญิงท้องโต พูดออกมา..
“กดแตรทีเดียวก็พอแล้ว… ทีเดียวก็ได้ยินแล้ว…”

ผมเข้าใจละ ว่าพี่เขาต้องการอะไร คนขับรถสวนเลน ย่อมใหญ่เสมอ ผมเขิ่อว่าคนประเภทนี้วันนึงย่อมครองโลกได้ เพราะ ไม่กลัวตาย และ ไร้กฏเกณฑ์ …

“ผมกดทีเดียว ไม่ได้ เพราะกดแล้ว พี่ก็ยังถอย ผมไม่มีทางรู้ได้ว่าพี่ได้ยินหรือเปล่า เพราะไฟถอยยังไม่ดับ..”

“ทีเดียวก็ได้ยินแล้ว…” เขายังย้ำ ซึ่งผมก็ไม่ได้เถียง

“ได้ยินแล้วก็ควรปลดเกียร์ถอย ผมจะได้รู้ แล้วไม่บีบอีก… ” ผมบอก

“พี่ลองฟังผมนะ การเข้าเกียร์ถอย หากมีรถมาข้างหลัง เห็นแล้วเราต้องปลดเกัยร์ ไม่ใช่แค่เบรค… ” ผมอธิบายไม่ขาดคำ

“ผมไม่ฟัง…ไม่ต้องอธิบาย… ” เล่นไม้นี้แสดงว่า ไม่อยากคุย

“ชับรถสวนเลนก็อันตรายอยู่แล้ว ยังมาหาเริ่องคนอีก…” ผมต่อ

ท่าทางพี่แกโกรธจัดเพราะ กะมาด่า แต่เหมือนโดนด่าซะเอง ผมด็ยืนเป็นไอ้ตี๋ใส่แว่น อยู่ข้างรถ พี่เขาชี้หน้าผม

“คุณโชคดีที่เมียผมท้อง…” พูดแค่นั้น แล้วถอยรถออกไป เดาว่าตั้งใจพาเมียมากินข้าวผัดปูที่นี่ เลยอดกินไปด้วย

ผมโชคดีที่เมียพี่เขาท้องจริงๆ ไม่งั้นเมื่อคืนคงแย่แน่ๆ …

รอเมียพี่เขาคลอด เขาคงคิดได้ครับ

เห็นว่าแปลกดี เลยเล่าสู่กันฟัง

ทางชันช่วงเทศกาล ============


ผมมักเอารถไปขี่ยาวๆ ช่วงปีใหม่
ปีไหนขึ้นเหนือ และเข้าเส้นทางชัน ยอกเลยว่ามีเครียด

เพราะขาผมที่สูงพอดีเป๊ะ ถ้าเจอทางชัน และ รถเอียงผิดมุมมีหวังล้มแปะ เป็นอาแป๊ะวัดพื้น

ช่วงเทศกาลเพิ่มความเครียดด้วย ปริมาณรถที่ขึ้นไปติดบนเขา

ปีนี้ขาขึ้นโป่งแยง รถติดยาวเหยียด ต้องอาศัยแซงรถที่ติดขึ้นไป และ หลบรถที่สวนลงมา ผมเลยเรียนรู้ว่า

1.จังหวะแซงตัองเปิดไฟเลี้ยว เสมอ
2. ระวังรถที่อยู่ด้านซ้าย ให้สัญญาณแตร
3. ไม่ sure อย่าไป ตอนจอดเล็งความสูงพื้น และลงเท้า ด้านที่พื้นสูงกว่าเสมอ
4. ถ้ามีคนซ้อน บอกคนซ้อนด้วยว่าลงเท้าด้านไหน จะได้เอียงทางเดียวกัน
5. ไม่แซงช่วงโค้ง โอกาสรถสวน กินเลนมีสูง
6. อย่าแซงช่วงทางชันมาก เพราะรถขึ้นกำลังจะตก ในขณะรถสวนลง มาด้วยความเร็ว แบบนี้ เจ็บ ตายมาเยอะแล้ว อย่ามั่นใจในรถมาก
7. รถเยอะๆ อย่าคนอง คนอาจอารมณ์ หงุดหงิด เพราะรถติด ไม่มีเรื่องก็ หาเรื่องได้

เห็นว่าดี ก็เลยมา share ครับ

ป๋อง นิสัยดี รุ่น 1

#แว้นไม่ดีจะมีภัย
#ขี่บิ๊กไบค์แบบนิสัยดี

รองเท้าหัวเหล็ก


19 Mar 2017 หลังจาก รองเท้าหัวเหล็ก หุ้มข้อตัวเก่า ขาดไป ก็ต้องหาตัวใหม่มาแทน

Heavy ตัวนั้น ช่วงนี้ไม่ได้จัดโปร ตอนผมไปดู มันไม่มีซะด้วย ตัว ซิปข้าง .. มีแต่หุ้มข้อธรรมดา เลยลองจัดตัวนี้ดู ใช้ the one card 1,200 คะแนน รับส่วนลด 40%

ราคาย่อมเยาว์ดี ครับ ไม่ถึงสามพันบาท แต่ เวลาใส่ ถอด ลำบากกว่าตัวเก่าเยอะ .. เพราะไม่มีซิปข้าง ..

คราวหน้า ซื้อแบบมี ซิป ดีกว่า .. ถอดที่ลมจะใส่….

ตอนที่ 5: เกิบใหม่ TCX 2017 ==============


#2016wintertrip

รองเท้าขี่รถ เป็น ของสำคัญครับ รองจากหมวกเลย .. เพราะเวลาล้ม ส่วนใหญ่จะบาดเจ็บกันที่ขากันเยอะ ..

ผมเปลี่ยน Boot มา สองคู่ละ ไม่รวมรองเท้าขี่รถ แบบไม่ใช่ boot อีก หลายต่อหลายแบบ เลย พอ จะรู้ตัวเอง แล้วว่า เวลาเลือก ที่ตัวเอง ชอบต้องเลือกอย่างไร ..

รองเท้า พวกนี้ ราคา สูงมากครับ แต่ ถ้าเทียบกับ การที่บาดเจ็บแล้ว ต้องผ่าตัด ก็จะถูกมากเลย เพราะ ผ่าตัดทีเป็นแสน

เลยถึงแพง ก็ต้องลงทุนครับ ..ใช้บ่อยๆ ให้คุ้มละกัน

#เลนขวาใช้ตอนแซง
#ทีมนิสัยดี

ม้าลาย =====


สองอาทิตย์ก่อน ขณะขี่รถกลับบ้าน ปรากฏว่า มีทางม้าลายแถวบ้าน ผมสังเกตเห็นรถชะลอ

…ตามหลัก #ชะลอเตรียมหยุดเมื่อถึงทางม้าลาย ผมเลยชะลอจอด

มี้ด็ดนักเรียนข้ามถนนออกมาจริงๆ ด้วย เหลี่ยมรถบังพอดี

หลังจากนั้น 2 วินาที มอเตอร์ไซต์ คันหลัง ก็มาทิ่มตูดซะ..ดีว่ากำเบรค ยืนมั่นคงเลยไม่ล้มลงจร

ผมบอกน้องให้จอด ตัวเองก็จอด หลังจากนั้นเดินไปเก็บป้ายทะเบียนที่โดนชนหลุด

ตอนแรก คิดว่าแค่ป้ายทะเบียนโดนชน เลย กะจะปล่อยน้องไปแล้วซ่องเอง แต่เห็นหมุด stand อีกอัน เลยรู้ว่า หมุดขาด

…คงเอาโช๊คมาชนตรงหมุดพอดี…

ตัวหมุดเชื่อมกับสวิงอาร์ม ผมเลยต้องโทรให้ประกันมาจัดการ….

งานนี้เป็นคราวเคราะห์ของน้องมันจริงๆ ที่ขี่เร็ว จี้ตามรถ…

บอกน้องไปเหมือนกัน ไม่รู้จำได้หรือเปล่า…

ป็นบทเรียน Biker

1. มีประกัน อย่าได้ขาด
2. ชะลอเตรียมหยุดเมื่อถึงทางม้าลาย
3. รถพังซ่อมได้ อย่า ชนเด็ก

#ขี่บิ๊กไบค์แบบนิสัยดี

เป็น Big Bike แล้วอย่าแกล้งกัน


วันนี้เมื่อสองปีที่แล้ว .. มีอุบัติเหตุเกิดชึ้น แต่ ผมยังไม่เคยเขียนเล่าเลย..

เป็นเรื่องที่ผมประสบและเป็นแรงบันดาลใจอย่างนึงให้มาทำกลุ่ม ขี่บิ๊กไบค์แบบนิสัยดี

จำได้ว่าวันนั้น กำลังไปทำธุระเอานาฬิกาที่ไปซ่อมไว้ที่ห้างแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะไปทำบุญ เป็นเจ้าภาพ สวดอภิอธรรม สังขาร หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ ที่วัดสังฆทาน

ขณะขี่รถลงมาจากสะพานลอย เจอรถ naked  คันหนึ่ง วิ่งอยู่ด้านซ้าย แต่งกายแบบเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ไม่ได้ใส่อุปกรณ์ป้องกันอะไร วิ่งอยู่เลนซ้าย ท่อลั่น

ผมวิ่งแซงมาอยู่เลนกลาง รถเยอะครับ .. วิ่งลำบากอยู่เพราะผมมี กล่องข้างสองใบด้วย แต่ วิ่งอยู่ทุกวัน เลยวิ่งระหว่างช่องรถ ไปเรื่อย จนแซง naked คันนั้น

ไม่รู้ไปทำความหมั่นไส้อะไรให้หรือเปล่า พอถึงจุดทางออก ผมก็เลยเปิดไฟเลี้ยวซ้าย ตามปกติ  และเว้นช่วงให้เห็น พร้อมกับเปลี่ยนเลน .. เพื่อเข้าช่องทางออก

“บรื้นนนนน” ผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์เร่งเครื่องขึ้นมาเลยครับ . .ก่อนเลี้ยว ก่อนเปิดไฟมองเช็คกระจกแล้ว เห็น naked คันนั้น อยู่ใสระยะปลอดภัย ผมเลี่ยวได้ แต่ เสียงที่ได้ยิน นี่ทำให้ผมต้องบิดออกไปทางขวา .. เพราะเสียงมาใกล้มาก..

ใจตอนนั้น นึกเลยว่าคงเป็นจังหวะที่ไม่ดี  เพราะ เร่งเครื่องขึ้นมาหลังเราเปิดไฟเลี้ยว .. ไม่ได้คิดว่า โดนแกล้ง เพราะ ขี่รถใหญ่มา ไม่ค่อยเจอ คนขี่รถแบบนี้ .. แบบที่จะมาแกล้งกัน

ผมหักออกทางขวา .. ช่องทางออกข้างหน้า มีจำกัด ผมเร่งเครื่อง แซงรถยนต์คันข้างหน้า แล้ว ตีไฟใหม่ ครั้งนี้ต้องเลี้ยวแล้ว เพราะ ถ้าพ้นนี่ไป คงวิ่งอีกยาวเลยเพราะไม่มีทางออก ประเมินคร่าวๆ ไม่ต่ำกว่า ห้ากิโล ไปกลับ ก็เป็น สิบโล

สิ่งที่ไม่อยากให้เกิด .. ดันเกิดจริงๆ เจ้า naked คันนั้น เร่งเครื่องขึ้นมาอีก ..เสียงเบิ้ลขณะขี่นี่ .. มันส่งสัญญาณบางอย่าง.. แตรไม่บีบ แต่ ใช้เครื่องยนต์ มา..

..เพื่ออะไร …

ผมคิดว่า ครั้งที่สองผมต้องเลี้ยวแล้ว .. ถ้าจะแกล้งผม .. ผมก็คงไม่ยอม ..

ผมเลี้ยวตามที่คิด .. เสียงดังเข้ามา แล้วผมก็รู้สึกถึงการเสียการทรงตัว ..

รถผมปัดไปทางขวา จากการถูกกระแทก .. ตัวรถสะบัดทั้งคัน ผมคิดอะไรไม่ออก ตอนนั้น นอกจากพยายามทรงตัว รถปัดมาทางซ้าย แล้วขวา เร็วมาก จำได้ดี ว่า ปัดอย่างนั้น อยู่ 4 ครั้ง ..

ระหว่างที่ปัด ผมนึกภาพอดีตตอนผมล้มได้ .. มันภาพเดียวกัน .. รถหนัก สองร้อยกว่าโล คนซ้อนอีก .. ผมไม่อาจต้านแรงม้นได้..นึกภาพตัวเอง ต้องไถลไปกับพื่นแน่ๆ เพราะความเร็วตอนนั้น น่าจะอยู่เกือบๆ ร้อย .. (อย่าลืมว่า รถเยอะ )

เสียงเหล็กถูไปกับพื้น ดังทางด้านซ้ายของผม .. เจ้า naked คันนั้น ไถลไปกับพื้น จากเลนที่ผมอยู่ ตัดออกไป อีกสองเลน รถกับคน ไปทางเดียวกัน ..รถ slide ไปชนมอเตอร์ไซต์ แบบครอบครัว ที่มีผู้หญิงขี่และซ้อนกันมา

ผมเห็นภาพอยู่นิดนึง ก่อนที่จะพ้นระยะการมองเห็น ตอนนั้นผมสนใจอยู่กับรถตัวเองมากกว่า เพราะ เชื่อว่าล้มแน่ๆ

ผมจับแฮนด์ พยายามทำตัวตามการสะบัดของรถไม่ได้ฝืน .. จำอะไรไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างอัตโนมัติ รู้ตัวอีกที ผมค่อยๆ หยุดรถ..

ทันทีที่รถกำลังจะหยุด ผมเอามือซ้ายคว้า คนซ้อนที่กำลังจะโดนสะบัดออกจากรถ เพราะ รถเหวียงรุนแรงมาก ..

มือขวาจับแฮนด์ .. มือซ้ายหันหลังมือ โอบคนซ้อนไว้ ทั้งคน . คนซ้อนขาขวา เกี่ยวกับอาน ตัวหล่นออกจากเบาะแล้ว แต่ ไม่ร่วงลงพื้น เพราะมือซ้ายและแขนของผมที่โอบไว้….

รถยังตั้งอยู่ .. ขาผมแตะพื้นทั้งสองข้าง .. รู้สึกได้ ว่า ขาสั่นริกๆ…

หัวใจเต้นแรง บอกตรงๆ ว่า โมโหมาก .. ตอนนั้น การควบคุมสติยังไม่ดี .. ใจนึกอยากลงไปกระทืบเจ้าคนขี่คันนั้นมาก .. (ผมไม่ใช่นิสัยอันธพาลนะ แต่ โมโหจนอยากทำอะไรสักอย่างจริงๆ … )

ขี่รถ.. เ ห XX ย อะไรแบบนี้.. ทำคนเดือดร้อน ตอนนั้นคิดแบบนี้

มองไปเห็นรถ naked ล้ม นอนอยู่ข้างถนน .. คนชับลุกขึ้นมา

รถมอเตอร์ไซต์ครอบครัวที่ล้ม .. คนขี่คงเจ็บ แต่เห็นลุกขึ้นมาได้ ..

ปกติเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมต้องเข้าไปช่วย .. แต่วันนั้น บอกเลยว่า .. โมโหมาก 

ผมตั้งสติ .. แต่ ยอมรับว่าตั้งไม่ได้ .. ถ้าลงจากรถตอนนั้น ผมว่า มีเรื่องมีราวอีกเยอะแน่ เพราะตอนนั้น …โมโหถึงขีดสุด

คนซ้อน..รู้ว่าผมกำลังเลือดขึ้นหน้า .. ผมถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เธอบอกว่า ไม่เป็นไร .. และเอามือแตะตัวผมเตือนสติให้ใจเย็นๆ ..

ผมนิ่งอยู่เกือบสิบวินาที แล้วก็ขี่รถออกไป โดยไม่ได้ช่วยเหลือ..

หลังจากน้้นผมก็ มองเห็นเหตุการณ์ อีกหลายครั้ง ที่มาจากการขี่รถ Big Bike แบบนิสัยไม่ดี .. ทำให้เกิดความรู้สึกว่า น้องๆ เขาจะรู้มั๊ย ว่า การขี่แบบนี้ นอกจากสร้างความรำคาญแล้ว อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ เดือดร้อนตัวเอง และ คนอื่น ..

เลยคิดว่า ถ้ามีโอกาส ก็อยากมาทำอะไรสักอย่าง .. ที่ทำให้ คนที่คิดคล้ายๆ กับเรา ที่อยากให้ท้องถนน มีคนขี่บิ๊กไบค์ แบบนิสัยดีเยอะๆ .. แล้วออกมาช่วยกัน

ช่วยกัน.. ทำตัวดีๆ ให้เป็นตัวอย่าง ในการขี่รถ
ขี่ให้ปลอดภัย …
ขี่ให้ถูกกฏ…
ขี่ให้มีน้ำใจ ..

คิดอย่างเดียวไม่พอ.. อยากให้ตัวเองดี ก็ แค่เป็นคนดี .. อยากให้สังคมดี .. ต้องออกแรง ..

จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมใช้เวลา 15 เดือน .. ทุกๆ วัน ค่อยๆ ทำกลุ่มๆ นี้.. ค่อยๆ เห็นมันเติบโต .. เห็นคนนำตัวอย่างดีๆไปใช้.. ทำให้คนได้คิด ทำให้คนได้มีสติ ..

อีกไม่กี่วัน เราจะมีสมาชิก ครบ 11,000 คนครับ เป็นการปิดรับรุ่น ที่ 11 ลงไปด้วย ..

คน 11,000 คนนี้ จะช่วยกันเป้นตัวอย่าง การขี่รถที่ดี .. ถ้าผมเชื่อว่า ผมสามารถชวนคนมาขี่บิ๊กไบค์แบบนิสัยดีได้ .. ผมก็เชือว่าทุกคนทำได้เหมือนกัน ..

รอที่จะเห็นเรื่องราวดีๆ บนถนนของเราครับ

ป๋อง pongroofman
16 Mar 2016

#ขี่บิ๊กไบค์แบบนิสัยดี
#มือใหม่เคยเจออย่าเผลอไปทำ
#casebiker

ยินดีต้อนรับ สมาชิกนิสัยดี รุ่น 11


ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่เข้ามาใหม่ด้วยครับ
วันนี้ผมรับเข้ามา 700 คน ถือเป็น รุ่น ที่ 11 นะครับ โดย รุ่นนี้ จะปิดรับ เมื่อสมาชิกเรา ครบ 11,000 คนครับ (เหลือ อีก 300 คน โดย ประมาณ)

image

เพื่อทำความเข้าใจ จึงขอ copy กระทู้ ปักหมุดมานะครับ

สมาชิกที่เข้ามาขอให้อ่าน และ รับทราบในช่องความเห็น
มีสามเรื่องนะครับ หน้าที่ ข้อห้าม ธรรมเนียม
=====
หน้าที่
=====
เข้ามาหน้ากลุ่มขี่บิ๊กไบค์แบบนิสัยดีแล้ว ต้องทำห้าอย่างครับ
1. แนะนำตัว ทักทาย ชาวนิสัยดี …เพราะ การทักทาย เป็นนิสัยที่ดีอย่างแรก ของเรา
2. ตอนแนะนำตัวขอให้เขียนเรื่องนิสัยดี หรือประสบการณ์ดีๆ ที่เจอระหว่างขี่รถมาสัก หนึ่งเรื่อง .. อะไรก็ได้ที่คิดว่าดีของเรา
3. แบ่งปันการขี่รถแบบนิสัยดี และ บอกกล่าวให้เพื่อนทราบ ด้วยการ share อ่านเรื่องไหนอย่าแค่ like ให้ share เลยครับ
4. ทำหน้าที่เป็น รุ่นพี่นิสัยดี ด้วยการเข้าไปทักทายน้องใหม่ และ ให้คำแนะนำ ด้วยการ มา tag ชื่อใน post นี้ครับ
5. กด like หน้า .page นิสัยดี ด้านล่างด้วยครับ
ห้าอย่างง่ายๆ เราก็ จะมีโลกของ Biker นิสัยดีแล้วครับ
====
ข้อห้าม
=====
ห้ามนะครับ ผิดผมแบนเลยไม่เตือน
1. Post ขายของเชิงพาณิชย์ห้ามครับ ถ้าเอาของมาแจก ปราศจากเงื่อนไข ไม่ห้าม
2. พูดหยาบคาย ส่อเสียดผู้อื่นให้เกิดความเสียหาย หรือ ยั่วยุให้ทะเลาะกัน
=====
ธรรมเนียม
======
ผมจะนำเอาข้อคิด เทคนิค เพื่อความปลอดภัย และ นิสัยดี มาเขียนเป็นบทความทุกเช้าวันเสาร์ครับ เสร็จแล้วก็ ขมวดเป็นคำสั้นๆ ที่เรียกว่า slogan โดยทำเป็น hashtag เอาไว้
เวลา โพสอะไร หรือ comment ช่วยลงท้ายด้วย slogan
ในกลุ่มนิสัยดี ไม่อยากให้ผ่านตาเฉยๆ เห็นอะไร อย่างน้อยแปะ slogan ไว้ครับ
อันไหนอ่านแล้วชอบ share เลย like มันน้อยไปครับ
ปี 2015 เขียนไว้ทั้ง 52 สัปดาห์ หาอ่านใน กระทู้ปักหมุด ปีที่แล้ว

#pinpostbiker

ถ้าเข้าใจแล้ว ทดสอบขาน slogan กัน เลยที่ comment ครับ

#ไม่อยากมีเรื่องร้ายเช็คไฟท้ายทุกครั้ง

รถกระตุก


รถกระตุก
======

เมื่อเช้าขี่รถมาทำงาน ฝ่าจราจรกรุงเทพฯตามปกติ

อยู่ๆ รถเก๋งที่อยู่เลนขวา ก็กระตุกมาเลนซ้าย
…ดีนะที่ผมห่าง ไม่งั้นกระแทก โดนข้ารถเก๋งนั่น แน่ๆ

แต่ก็สงสัยเพราะไม่มีอะไรให้หลบข้างหน้า เลยขี่ขึ้นไปประกบดู  เลยเห็นว่า สาวคนขับ เล่นมือถือไปด้วย… OMG … มือซ้ายยังถืออยู่เลย

สันนิษฐานว่า คงเล่น ตาไม่ดูถนนจนรถเฉียงจะปีนฟุตบาทด้านขวา เลย ตกใจกระตุกรถออกมา โดยไม่เช็คซ้ายก่อน

จังหวะไม่มีรถด้านข้าง ซึ่งอาจเป็นผม ถ้ามาเร็วกว่านี้นิดนึง

บอกตรงๆ อยากจับมาอบรมมาก … เขาก็รณรงค์กันโครมๆ ว่าไม่ให้เล่นมือถือตอนขับรถ

ผมหาจังหวะจอดรอตรงไฟแดง จะอบรมสักหน่อย พวกคงรู้ จอดห่าง สองช่วงรถเลย

ฝากนักขี่ทุกท่าน ระวังรถประเภทนี้ด้วย ดูไม่ออกเลย ..(ไม่รู้จะระวังยังไง) ไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้น  อย่างเคสนี้ หลักฐานไม่มี เผลอๆ she มาทำตาใสๆ แบบ dj เกียร์ R บอกผมแทรกมาโดน … รถบุบด้านช้าง อย่างนี้ ลำบากเลย

image

ผมว่านิสัยมาจากติดการเล่นโทรศัพท์  อาการหนัก ขนาดเดินไปเล่นไป ขับรถไปเล่นไป (ขี่มอเตอร์ไซต์เล่นไปก็มี เคสหลังนี่ ไม่ต้องเตือน คิดว่าอยู่ได้ไม่นานหรอก) เริ่มเยอะขึ้นทุกวัน จนคิดว้าวันหนึ่ง การที่เราไปบอกไปเตือนเขา เรานี่ล่ะจะเป็นคนผิด

หลังๆ ผมเจอคนประเภทนี้จะบอกเขา(ดีๆ) ว่า ตอนเดิน ตอนขับ … ไม่ต้องเล่น…

ที่ผ่านมาบอกใครก็ฟังนะ แสดงว่ารู้ว่าไม่ดี แต่เผลอตัว…

คิดว่าดีก็ช่วยๆ บอกต่อ แต่ถ้าคิดว่าลำบาก ก็อ่านเล่นเพลินๆ ละกันครับ

ชีวิตมันไม่ “ยุ่ง” ขนาดตาไม่มองถนน หรือ ทางเดินหรอกนะครับ

เอาไปพิจารณากันด้วยนะครับ

ป๋อง Pongroofman
นิสัยดีรุ่น 1

#ขี่บิ๊กไบค์แบบนิสัยดี

#ศิษย์ดูต้องมีkeyศิษย์ดีต้องมีครู

ปาดสามเลน


เมื่อวันจันทร์ ตอนขี่กลับบ้านตอนเย็น ขณะกำลังขี่ข้ามสะพานพระราม 5 ผมวิ่งเข้าเลนแซง(เลนขวา) สายตาข้างหน้า เห็น เก๋งเปลี่ยนเลนเข้าเลนแซง เร็วและดูอันตราย

ผมวิ่งตา รถคันนั้นก็เร่งเครื่อง ผมดูแล้วไม่น่าอยู่ใกล้ หลังพ้นรถช้าก็เข้ามาอยู่เลนซ้ายสุด

ข้างหน้าเป็นทางแยก ที่มี Tesco พระราม 5 อยู่ข้างหน้า ..เจ้ารถคันนั้น ยังอยู่เลนแซงถัดจากผมไปสามเลน

ทันใดนั้นมันก็เปลี่ยนเลนทีเดียวสามช่องมาอยู่หน้ารถผม….

เอาล่ะซิ…

ผมขี่แซงขึ้นไป บีบแตรสองที และ ส่งสัญญาณให้จอด จากนั้นผมค่อยๆ ขึ้นหน้า แล้วชะลอรถ รถคันนั้นก็ชลอ พอผมจอด มันก็แซงขึ้นไป ไม่ยอมหยุด

ผมขึ้นไปเรียกอีก ก็ไม่ยอมจอด …รถเบี่ยงออกซ้าย ข้างหน้าเป็นแยก กำลังติดไฟแดง…

ผมคิดในใจว่า หนีไม่รอดแน่ แต่ก็มองไม่เห็นข้างใน เพราะฟืมล์ หนา ถ้าลงมาหน้าตาเหมือนดีเจ เก่ง จะทำไง

เอาวะ ลองดู

(ต่อ)
ผมขี่ตามรถไป เหลือบมองไป แต่ ไม่สามารถมองทะลุกระจกให้เห็นได้ ว่า คนขับเป็น ผู้ชายหรือผู้หญิง …
เพราะจากที่ขี่ในกรุงฯ มา และ เจอเรื่องขับรถไม่สุภาพแบบนี้ บางที พบว่า คนขับ ที่เปรี้ยวๆ นี่ กลายเป็นผู้หญิง ซะนี่ ..

เจอผู้หญิงนี่ผมเอง ก็ไม่ค่อยอยากจะคุยด้วยครับ เพราะ ส่วนใหญ่ คนขับมารยาทไม่ดี มักจะไม่ค่อยจะมีเหตุผลดีๆ อยู่แล้ว ถ้ายิ่งเป็นผู้หญิง เวลาคุยกัน จะกลายเป็นผมไปยืนเถียงกับผู้หญิงเปล่าๆ ..

ผมว่ามันเสียเวลา แต่ ถ้าเป็นผู้ชายนี่ ผมว่าคุยกันได้เต็มที่ เพราะ ดูแล้ว ถ้ามีเรื่องมีราว ต้องออกกำลัง ก็ ยังดูว่า ไม่ได้เป็นการ “เอาเปรียบ”

ส่วน “ทอม” นี่ที่เคยเจอ ผมก็จัดให้ อยู่ในข่าย ผู้หญิง น่ะครับ เพราะ ไม่อยากจะไปเสียเวลาด้วยเหมือนกัน .. ต่อให้เป็น ทอมแกร่ง ขนาดไหน ผมก็คงไม่อยากยุ่งด้วย

เจ้ารถคันนั้นคงเห็นสัญญาณไฟแดง อย่างที่ผมเห็น มันเลยค่อยๆ ขับ และ พยายามที่จะไม่หยุดรถ ตรงที่ผมจอดรอ .. คงถ่วงเวลาให้ ไฟเขียว .. (ผมเอา)

ผมรอแต่รถไม่จอด ผมเลยปล่อยให้แซง และ รอจนรถจอดสนิท แล้ว ไปจอดข้างคนขับ ให้สัญญาณว่า ให้เปิดกระจกคุยหน่อย .. แบบสุภาพนะ

…เงียบ…

ผมกวักมือ ให้สัญญาณว่าเลื่อนกระจกลง อีก รอบ เขาคงเห็นแต่ลูกตา เพราะเวลาใส่หมวก ผมใส่โม่งด้วย

…เงียบ…

ไฟยังแดงอยู่ .. แต่ก็คงอีกไม่นาน คงเขียว ผมประเมินแล้ว ถ้า หลุดไฟ นี้ คงไม่ได้คุยกัน เพราะ พวกคงไม่จอดให้ผมคุยแบบนี้ เพราะเมื่่อกี้ เรียกหลายรอบแล้วไม่จอด

ผมตัดสินใจเอื้้อมมือที่ใส่ถุงมือ ไปเคาะกระจก .. บังเอิญวันนี้ เข้าๆอากาศเย็น เลยใส่ถุงมือหนังมา แล้วเจ้าถุงคู่นี้ ตรง สันมือ เป็นการ์ด ชุบสีแบบโลหะมันวาว .. เคาะไปที เสียงดัง เป๊กๆ

…นิ่ง .. ไม่มีอะไรเกิด

ผมดูอีกสักพัก ก็เคาะด้วยน้ำหนักมือเท่าเดิม ทั้งๆ ที่ ใจอาจเริ่มมีขุ่น จากการไม่ตอบสนอง ..

“เป๊กๆ”…. สองทีพอ

ทีนี้ได้ผล กระจกค่อยๆ เลื่อนลงมา .. ผมก้มไปดู .. มีคนนั่งอยู่เต็มเบาะ นับแล้ว ได้ 4 คน ..

เอาไงต่อดี…

ต่อ…
ผมมองเข้าไป เห็นวัยรุ่นสี่คน ชายสาม หญิงหนึ่ง .. ใจนึงก็ไม่อยากยุ่ง รู้สึกว่า พูดไป เผื่อน้องไม่เข้าใจก็เสียเวลาเปล่า

ใจนึงก็อยากบอกกล่าว เพราะ บางที คนในครอบครัวบอก อาจไม่พอ…

“น้องขับรถอันตรายมากครับ .. ” ผมบอก คนขับ
“ก็ผมจะเลี้ยวเข้านี่..” น้องคนขับ ตัดผมเกรียนๆ บอก
“เปลี่ยนเลน ไม่ให้สัญญาณ และ เปลี่ยนไวมาก เมื่อกี้ ก็ เปลี่ยนเลนจากขวามาตัดหน้าผมอีก” ผมบอก
“ก็ผมจะเลี้ยวเข้าตรงนี้..” น้องบอก .. ผมเห็นว่านี่มันกลางถนน มาจอดคุยกันแบบนี้ จะทำให้ รถด้านหลังติด เลยบอก

ผมมองดูหน้าแต่ละคน แล้ว หลุดปากออกมา .. “ยังเด็กอยู่เลยนี่หว่า..”
เสียงสวนขึ้นมาจากเจ้าคนขับ . “อายุผมถึงแล้วนะ..” เด็กมันคงคิดว่า อายุถึงทำใบขับขี่ได้แล้ว ทำอะไรก็ได้มัง

“จอดคุยกับหน่อย .. ” ผมบอก
“พวกหนูกำลังรีบ …” น้องผู้หญิง ที่นั่งหน้า พูดขึ้นบ้าง
“รีบก็ต้องจอด จอดตรงนี้” ผมชี้ไปตรงจุดกลับรถข้างหน้า เพราะ มีพื้นที่จอด
“ไปจอดตรงโน้นได้มั๊ย ” น้องคนขับ บอก ชี้ไป ตรงพื้นที่ เลยไฟแดงไปแล้ว
“ไม่ได้ครับ .. จอดตรงนี้ล่ะ ..” ผมบอก ยืนยันจุดเดิม เพราะ ดูจากเมื่อกี้แล้ว ผ่านไฟแดงนี้ได้ คงเปิดแน่บ ..

หลังจอดรถเสร็จ น้องคนขับ เดินจ๋อยๆ ลงมา เด็กสมัยนี้ตัวสูงครับ สูงพอๆ กับผม เพื่อนมันเดินมาด้วยหนึ่งคน เป็นผู้ชาย ส่วนอีกสองอยู่ที่รถ

“ผมขออยู่เป็นเพื่อน เพื่อนผมนะ .. ” น้องหน้าขาว บอก ยืนอยู่ด้านขวา
“เมื่อกี้ขับรถ อันตรายมาก ทำไมคนองนัก… ตอนเย็นรถเยอะมาก อันตราย” ผมบอกเจ้าคนขับ สังเกตว่า ผมไม่ได้ เริ่มที่ปัญหาตัวเอง
“คืองี้พี่.. ” น้องหน้าขาว เริ่มพูด ” เมื่อกี้ มันมีรถ เพื่อนผมก็แซงออก มันต้องแซง ” น้องมันอธิบาย ผมไม่รู้หรอกว่า มันรู้หรือเปล่า ว่า เพื่อนมันเปลี่ยนเลนแซง ตอนรถผมกำลังมาพอดี .. แต่ ระยะไม่ได้กระชั้นชิดมาก ผมก็มองว่า มันอาจคิดว่าปลอดภัย แต่ ลีลาการโยกเปลี่ยนเลนมันซิ มันยั่วยวน.. ผมเอง ไม่ค่อยสนใจ น้องหน้าขาว นักเพราะมันไม่ได้ขับ .. ผมสนใจ คนขับมากกว่า

“แล้วเมื่่อกี้ ก็ เปลี่ยนเลน จากขวามาเลย ทีเดียวสามเลนรวด มาดัดหน้าผมนี่ มันแปลว่าอะไรกัน ” ผมถามคนขับต่อ ..
“พวกผมต้องเข้าช่องนี้ .. ช่องซ้ายก็ต้องมาแบบนี้ซะ” น้องหน้าขาวมันเถึยง ส่วนคนขับ ยืนหน้าจ๋อย
“เฮ้ย ผมกำลังพูดกับคนขับ .. คุณบอกอยู่เป็นเพื่อน ก็ฟังเฉยๆ ” ผมหันไปบอกเจ้าหน้าขาว

“ผมไม่มีเจตนานะพี่ รถมันขวาง มันก็ต้องหลบ แล้ว ต้องเลี้ยว มันก็ต้องเปลี่ยนเลน ” ไอ้หน้าขาวที่ ไม่ได้ ขับ อธิบาย ยังกับ มันขับซะเอง ผมทำทีไม่สนใจมัน เพราะ มันพูดต่อ ไม่หยุด มองไปที่คนขับ ยืนเงียบ..

“เมื่อกี้ ที่เรียกให้จอด ทำไมไม่จอด พื้นที่ คนเยอะ แบบนี้ จอดได้” ผมถามคนขับ

“คืองี้พี่.. เมื่อกี้ พวกผมก็คุยกัน .. และ กลัวว่าพี่จะมี .ของ.. เลยไม่กล้าจอด ” ไอ้หน้าขาว พยายามอธิบาย มันอธิบายได้ทุกเรื่องจริงๆ อยู่มหาลัย ผมว่า มันต้องเป็นพวกชมรมโต้วาที แน่ๆ .. แต่ ตอนนี้ ไม่ใช่ช่วงมาโต้วาที

“เอ็งช่วยยืนฟังเงียบๆ ได้มั๊ย … ” ผมบอก “บอกมายืนเป็นเพื่อน ก็เป็นเพื่อนซิ .. กูกำลังอบรมเพื่อนมึงอยู่.. ช่วยกันเถียงไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ เพื่อนมันถึงได้คนองขับรถอันตราย .. คนเขากำลังกลับบ้าน ชนอะไรขึ้นมา .. มีปัญญาแก้ปัญหากันมั๊ย หรือ เอะอะ ก็โทรหาพ่อ หาแม่ เรียกประกันมาเคลียร์… ” ผมเร่งเสียงดัง พร้อมปรับวาทะ ให้เหมาะกับ ไอ้หน้าขาว เพราะเตือนแล้วไม่เงียบ…

ดูเหมือนจะได้ผล ตอนนี้ เงียบกริบ

ผมหันไปที่คนชับ ดูท่าที มัน จ๋อย และ เหมือนจะคิดได้

“ที่พี่เรียกให้ลงมาคุยน่ะ เพราะต้องการเตือน พวกเรา ขับรถในช่วงรถเยอะๆ แบบนี้ ไม่ควรขับเร็ว เปลี่ยนเลนเร็ว มันอันตราย เห็นผู้ใหญ่บางคนทำ ก็ไม่ต้องไปเอาอย่าง เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องไม่ดี .. ” ผมพูดมองหน้ามันไป ปรับสรรพนามเสียหน่อย ..

“เรายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องเจอ ถ้ามีอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นมา ปัญหาก็จะเกิด คนรอบตัวเราก็ต้องเดือดร้อน .. ” ผมบอก ดูเจ้าคนขับ มันฟัง ส่วนเจ้าหน้าขาว พอบอกให้เงียบ มันก็คงเลิกคิดหาคำเถียง และ มาฟังตาม

“พี่ไม่ได้มาหาเรื่อง ที่มาบอกเพราะห่วง ห่วงแทนพ่อแม่ของเรา เขาไม่รู้หรอก ว่า ให้รถลูกมาแล้วจะมาขับกันแบบนี้ .. เราเองเมื่อขับรถแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบชีวิตคนที่อยู่ในรถ และ คนที่ใช้ถนนร่วมกับเรา พี่เห็นเราขับ ก็รู้แล้ว ว่า ยังไม่มีใครบอก ว่าควรขับแบบไหนอย่างไร เราจะเลี้ยวซ้าย แต่ เปลี่ยนเลนไปขวาสุด เพื่อตบมาสามเลน แบบนี้ ถือว่า ประสบการณ์ การขับรถไม่ดี เพราะ ถ้ามีรถเร็ววิ่งอยู่เลนซ้าย ก็คงชน หรือไม่ก็เบรคเสียหลัก ” ผมเทศน์ต่อ

“ไม่ต้องมอเตอร์ไซต์หรอกที่ล้ม รถเก๋ง บ้าพลัง วิ่งเร็ว และ เบรค เสียหลัก แทบตกสะพาน พี่ก็เห็นมาแล้ว ดังนั้น เชื่อพี่ ต่อไป ขับรถมีสติ กว่านี้ ถ้าทางโล่ง ไม่มีแยก เอ็งอยากวิ่งเร็ว และ คิดว่า ทักษะดีพอ ก็ ขับไป แต่ ในเขตชุมชนแบบนี้ .. ห้าม.. เข้าใจมั๊ย .. ” ผมบอก คิดว่าน่าจะพอแล้ว

น้องสองคน พยักหน้า ยกมือไหว้ผม
“พี่ครับผมขอโทษ .. ขอบคุณพี่มากครับที่เตือนสติ” เจ้าคนขับ พูดออกมาบ้าง .. ผมมองดู ก็ไม่เห็นดอกพิกุลร่วงลงมา ส่วนเจ้าหน้าขาว ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ ยกมือไหว้ตามเพื่อน

“ไปได้แล้ว จำไว้ ขับรถดีๆ แปลว่า ขับปลอดภัย” .. ผมบอก แล้วก็ขึ้นรถออกตัวไป

นึกว่าเป็นลูกเป็นหลานละกัน ..

ขอบคุณที่ ติดตาม มาทั้งสามตอนครับ
โปรดอ่านโดยใช้วิจารณญาณนะครับ ตรงไหน ดีก็เอาไป ตรงไหนไม่ดี ก็ทิ้งไว้ตรงนี้ครับ

ขอค่าเขียนเป็น ขาน slogan สัปดาห์นี้ ดังๆ ด้วยครับ .. วันสุดท้ายแล้ว

ป๋อง

อ่านแล้วอย่าลืมขาน slogan กันครับ

‪#‎เข้าเขตชาวบ้านถึงชำนาญก็ห้าสิบ‬

มีเรื่องเพราะขี่ช้า


ตอนออกจากเชียงใหม่ มุ่งหน้า กำแพงเพชร ผมวิ่งผ่านดอยสะเก็ด…

ถนนตรงนี้ทางตรงครับ มีหลายเลน แต่วันนี้ รถค่อนข้างเยอะ

ผมวิ่งเห็นรถก็ คอยแซง วิ่งมาเรื่อยๆ เห็น Mazda 2 วิ่งอยู่เลนขวา เขาคงเห็นรถผม วิ่งมา จึงหลบให้ แต่ไม่หลบให้พ้นเลน แต่เปิดช่องไว้ครึ่งเลา โดยตัวเองคร่อมเลนไว้

โดยปกติผมไม่แซงนะ แบบนี้เพราะ คนขับรถอาจตีกลับมากระแทกเอาได้ แต่คันนี้ผมเห็นแช่อยู่พักนึงแล้ว… คงประมาณว่า อยากแซงก็แซงไป กล้าเปล่า เพราะ รถผมมีกระเป๋าสองข้างใบใหญ่อยู่ เรียกได้ว่า รูใหญ่กว่ารถไม่มาก…

ทักษะการมุดผมพอได้อยู่แล้วเพราะมุดในกรุงเทพฯทุกเช้า แค่วันนี้กระเป๋าใบใหญ่กว่า set เมืองหลวง หน่อย ผมก็ท่องๆ ว่า “วันนี้เป๋าใหญ่ๆ” เอาไว้จะได้ไม่พลาด

ผมแซงขึ้นำป ความเร็วตอนนั้นก็ 100 กว่า เหลือบมองกระจกซ้าย เฮ้ย เจ้า mazda เร่งจี้ตูดขึ้นมาเลย…

ผมไม่ได้บิดหนี ไม่ได้ลดความเร็ว เพราะ รถเยอะ เร็วกว่านี้เดี๋ยวพลาด โปรแกรมเที่ยวยังเหลืออีกสามวัน วิ่งมาแบบปลอดภัยได้เจ็ดวันแล้ว อย่าวู่วาม… รถ Mazda เร่งเครื่องมาตีคู่ทันที… เจออีกละ ประเภทนี้

ผมเห็นว่าขึ้นมาแบบอันตราย (ต่อผม) มาก เลยบิดเครื่องหนี ไปอยู่ข้างหน้า ไม่รู้เจตนา แต่คิดว่าคงไม่ได้เป็นมิตรแน่ หันไปถ่ายรูปป้ายทะเบีบนไว้ก่อน

โวยวาย

เจ้ารถคันนั้น เร่งเครื่องขึ้นมา เปิดกระจก ตะโกนโวยวาย “ขับรถหาเรื่อง เพื่อ มึงจะเอารูปไปลง social เหรอวะ” …

เจอแบบนี้ ผมเริ่มโมโห… หาเรื่องเราแท้ๆ ยังมาว่าเราอีก…

เป็นเพื่อนๆ ทำอย่างไรกันครับแบบนี้

(มีต่อครับ อยากอ่าน like page ขาน slogan กันครับ)

‪#‎ขี่บิ๊กไบค์แบบนิสัยดี‬
‪#‎วิ่งไวเช็คให้แน่ใจค่อยเปลี่ยนเลน‬
ผมขี่ตาม เห็นเปิดกระจก เลยชี้นิ้วตะโกนบอก
“จอด…จอด …คุยกันหน่อย” ผมตะโกน ให้ดังพอ
พวกขับไม่หยุด นำหน้าผมอญุ่ช่วงตัว ผมขี่ไป บอกให้จอดอีก … แต่ดูเหมือนเขาจะไม่จอด แต่ก็ไม่ขี่หนี ยังทิ้งช่วงเอาไว้อยู่ 1 ช่วงคันรถ

ผมขึ้นตีคู่ครั้งที่สาม ทีนี้ ะสกหนิบของออกมาเลยครับ… เป็นของที่ผมนึกไว่อยู่แล้วว่าต้องเจอเข้าสักวัน !

(มีต่อ …รอคนมาขาน slogan ครับ ^^)

#วิ่งไวเช็คให้แน่ใจค่อยเปลี่ยนเลน
มันคือ “มือถือ” ครับ เดินกล้องถ่ายคลิป กันเลยทีเดียว….

“ชอบถ่ายไปลง social นักใช่มะ …โดนถ่ายซะมั่ง…” ผมได้ยินลางๆ ประมาณนี้ …ทัศนคติ ยังดี คิดว่าฟังไม่ผิด แต่คิดว่าไม่ไหวละอาการแบบนี้ ทัศนคติกับ Big bike แย่มาก ในฐานะเรา ขี่บิ๊กไบค์แบบนิสัยดี คงต้องทำอะไรสักอย่าง

ผมบอกให้จอดอีกสองสามครั้ง ไม่มีทีท่าจะจอด ผมเลยคิดว่า ศักดิ์ศรีแบบนี้ ระวีงตัวแบบนี้ คงต้องรอให้ผมจอดก่อน …

ผมเปิดไฟ จอดข้างทาง ได้ผล Mazda คันนั้น มาจอดหลังผม ผมตั้งรถ เดินเข้าไปหา คนขับลงจากรถ พร้อมจะพูดคุย…

“เมื่อครู่ เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมถึงขับขึ้นมาแบบนั้น” ผมเริ่มก่อน

“พี่ขับกวนผมืทำไม ผมให้ทางแล้วทำไมไม่แซง ขับแช่อยู่เลนขวา ผมจะแซงก็แซงไม่ได้ ” คนขับพูด ผมสังเกต เห็นมากับผู้หญิง อุ้มลูกน้อยมาด้วย

“เมื่อกี้ รถเยอะ ผมก็ขี่ปกติ แต่เห็นขี่ดันขึ้นมาเหมือนไม่ยอม…” ผมพูดบ้าง แต่พูดไม่ทันจบก็โดนแทรก

“ให้ทางแล้ว ทำไมไม่ไปล่ะ ขี่ช้า อยู่นั่น…××× ” คนขับเริ่มพูดซ้ำไปซ้ำมา

“เนี่ยผมมีลูกมาด้วย ถ้าเบรคกระทันหัน ลูกผมจะเป็นยังไง” คนขับพูด

“ลูกคุณคงตายครับ” ผมตอบเรียบๆ คนเป็นพ่อ ต้องรู้เริ่องนี้ ขับรถแบบนี้ เอาลูกให้เมียอุ้มนั่งเบาะหน้า มี air bag มันไม่เคยอ่านหนังสือหรือไงว่าสถิติ เด็กคอฟักตายเพราะ อย่างนี้ เยอะมาก ทำไมไม่หา เบาะเด็กให้นั่งข้างหลัง?

คนขับรถไม่ได้โมโห ตอนผมพูด คงเริ่มคิด

“นี่ถ้าไม่หยุดฟังกันก่อน คงคุยกันไม่รู้เรื่อง…อ่ะ ผมให้คุณพูดให้หมด แล้วเดี๋ยวฟังผมบ้าง….” ผมบอก

หลังจากนั้น ผมก็ยืนฟัง สิ่งที่คนขับ พยายามอธิบาย จับประเด็นคือ เขามองว่าเราขี่แซงแล้วไม่เร่งให้พ้น เหมือนแกล้งเขา ทำให้โมโห แล้วหันมาถ่ายรูป จึงคิดว่าจะเอาไปลง ใน social ให้ดัวและเป็นที่ฮือฮา …พอผมจับประเด็นได้ผมก็รู้ละว่า ต้องพูดอย่างไร

“อ่ะ ขอผมอธิบายนะครับ เมื่อครู่ที่แซงขึ้นมาน่ะ ผมเร่งให้พ้นเลยไม่ได้ เพราะ รถเยอะ และตอนนั้นก็ วื่งร้อยกว่าแล้ว เป็นความเร็วที่ไม่ปลอดภัย… คุณก็ใจร้อนไปหน่อย เร่งขึ้นมา….” ผมหยุด ดูสีหน้านิดแล้วพูดต่อ ” ผมเห็นจี้ขึ้นมา และมาเบียดข้าง จึงต้องเร่งเครื่องขึ้น อันตรายนะแบบนั้น” ….

“ผมไม่ได้อยากมีเรื่อง ผมขี่รถมาเที่ยว ไม่ได้มาหาเรื่อง ขี่มาหลายวันแล้ว เชียงใหม่ก็เป็นอีกที่ ที่ผมอยากมาเที่ยว …ส่วนกล้องถ่าย ผมถ่ายทะเบียนไว้ก่อน เพราะ ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง อาจจะทำให้เข้าใจผิด “…. ผมเล่าไป น้ำเสียงนุ่มๆ ….

บรรยากาศตอนนั้น เงียบไปขณะหนึ่ง ชาวบ้านเริ่มมามุงแล้ว… เรื่องแบบนี้ สนุกกว่าละครหลังข่าว

“ผมว่า น้องคงทัศนคติไม่ดี กับ คนขี่รถมอเคอร์ไซต์ เลยทำให้คิดแบบนั้น ผมเข้าใจนะ แต่ คนขี่รถที่นิสัยดีๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ก็มี เราควรให้โอกาสเขาบ้าง…. ให้โอกาสเขาทำดี และ มีทัศนคติที่ดี กับคนใช้ถนน ด้วยกัน…” ผมพูดต่อ ดูแล้ว คนข้บรถ ที่ผมเรียกว่าน้อง…จะเริ่มฟัง

“พี่ครับ ผมเข้าใจผิดไป…” น้องบอก
“ผมขอโทษพี่จริงๆ ครับ ” น้องพูดพร้อมกับยกมือไหว้ผม ผมยังไม่ได้ถอดหมวกให้เห็นหน้าด้วยซ้ำ…

“ขับรถก็ใจเย็นๆ ครับ เทศกาลรถเยอะ…” ผมกล่าว แล้วก็แยกออกมา

เกือบทำให้คนมีทัศนคติแย่ๆ กับ Bog Bike ไปอีกคนแล้ว…..

จบครับ
ขอบคุณที่ตามอ่านกันจนจบ

ขอค่าเล่าเป็น ความเห็น+slogan ด้วยครับ

#วิ่งไวเช็คให้แน่ใจค่อยเปลี่ยนเลน

‪#‎casebiker‬
‪#‎tipbiker‬