3 กุมภา 2009
ภายในห้องเล็กๆของพ่อ.. พี่ป๋อง เงยหน้าขึ้นมาเห็นปฎิทินจีน
ปฎิทินที่ฉีกไว้จนถึงวันที่ 3 กุมภา วันทหารผ่านศึก
วันที่ซึ่งตรงกับวันนี้ ..เพียงแต่ว่าเป็น ของสองปีที่แล้ว …
ตัวหนังสือบอกว่าเป็นปี 2007 (พ.ศ. 2550) เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ
พ่อเป็นคนที่ชอบปฏิทิน ช่วงปลายปี พ่อจะตระเวณไปหาเพื่อน เพื่อไปเอาปฏิทิน
พ่อจะเอาปฏิทินสวยๆ มาให้ดูทุกปี ช่วงหลังๆ สังเกตว่าพ่อจะชอบปฎิทินจีนมากเป็นพิเศษ ปีไหน ๆ ต้องขอให้เอามาฝากทุกปี…
“อย่าลืม…เอาปฏิทินมาให้พ่อนะ ปีนี้…” พ่อบอกอย่างนี้ทุกที เมื่อย่างเข้าเดือนธันวา
เคยถามพ่อ…ว่าทำไมถึงชอบปฏิทินจีน รูปสวยๆ ก็ไม่มีเหมือน ปฏิทินแบบอื่นเค้า ..พ่อ ยิ้มๆ แล้วก็บอก…
“ปฏิทินนี้ มันมีใบ้หวย บอกไว้ทุกงวด เอ็งดูซิ มันจะมีเลขอยู่ตรงนี้ …” พ่อ พูดพลาง ชี้ให้ดู ตัวเลขพิศวง ที่เชื่อว่า คนสองคน ไม่มีทางเห็นเลขเดียวกันได้เลย
“มันไม่ได้มีให้ดูทุกวันนะ …มันจะมีเฉพาะ วันหวยออก ..แสดงว่าเป็นเลขเด็ด…” พ่อบอก ประกายตา บ่งบอกถึงความหวัง…
“แล้วมันแม่น เหรอพ่อ …” ถามไปเพราะสงสัยว่า อย่างนี้ คนพิมพ์ คงจะรวยเละถ้าแม่นจริง
“ก็มีถูกบ้าง เฉียดบ้าง ..แต่พ่อบอกถูกไปเยอะแล้ว …” พ่อบอก แต่ ครั้งนี้ หลบตา ซึ่ง พี่ป๋องว่า คงจะถูกจริง แต่น่าจะเป็นถูกกินซะมากกว่า
พ่อเป็นทหาร ความมีวินัยของพ่อ ทำให้ปฎิทินจีนจะโดนฉีกไว้ทุกวัน
จนกระทั่งวันนี้ วันที่ 3 กุมภา ปี 2007…
ซึ่งหลังจากวันนั้น ปฎิทินจีนเล่มนี้ก็ไม่โดนฉีกเอีกเลย
….
ปี 2007…วันที่ 3 กุมภา ย้อนไป ก่อนหน้านี้ สองปี
พ่อคึกคักเสมอเมื่อถึงวันนี้ …เพราะวันนี้จะมีงานแต่เช้า ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ
พ่อมีเพื่อนเยอะ และ เพื่อนที่ไปรบด้วยกันที่เวียตนาม ก็ยังติดต่อกันเป็นประจำ เรียกได้ว่า Network พ่อนี่ เหนียวแน่น แข็งแรง ถึงแม้ พ่อจะไม่มี Facebook ให้เล่น
ทุกครั้งที่พ่อ มาร่วมงานทหารผ่านศึกที่อนุสาวรีย์ชัย พ่อต้องติดกล้องมาด้วยเสมอ…เอามาถ่ายรูปเพื่อนๆ
เป็นกล้องแบบใช้ฟิลม์ แบบเก่า ตัวไม่กี่ร้อยบาท ไม่มี focus ไม่มีซูม กดอย่างเดียว…ภาพออกมาชัดหรือไม่ ให้ลุ้นเอา
เคยคะยั้นคะยอพ่อ ให้เปลี่ยนมาเล่น กล้อง digital เพราะตัวเองก็มีอยู่หลายตัว ภาพออกมาก็ดีกว่า ถ่ายได้เยอะ ดูรูปก็ได้ พ่อส่ายหน้าบอกไม่เอา ใช้ยาก…น่านซะงั้น
พี่ป๋องไม่เข้าใจพ่อก็ตรงนี้ ..ไม่รู้จะยากตรงไหน … ก็กดเหมือนๆ กัน
พยายามจนแล้วจนรอด พ่อก็ไม่เปลียนมาใช้กล้อง digital เสียที …คิดว่า มันคงไม่ได้ยากอย่างว่า แต่ เป็นเพราะความ”ดื้อ” ของพ่อมากกว่า
แต่มารู้เอาทีหลังว่า ..พ่อไม่อยากเอาของแพงๆ มาใช้ ..เพราะ กลัวว่ามันจะเสีย..
ทุกครั้งพ่อจึงต้องหิ้วเจ้ากล้องฟิลม์นี่มางานด้วยเสมอ
วันนั้นพ่อ ถ่ายรูปเพื่อนๆ มาหลายรูป ทั้งงานตอนเช้าที่อนุสาวรีย์ฯ และ งานเลี้ยงต่อที่ราบ 11
ความปิติใจวันนี้ ทำให้ พ่อไม่กลับบ้านทันที พอลงจากรถเมล์ พ่อก็ปั่นจักรยานไปนครชัยศรี …คนละทิศ กับ ทางกลับบ้าน
….พ่อก็มุ่งหน้าตรงไปยังร้านถ่ายรูป ที่อยู่ในเมือง ..คงอยากรีบเอารูปไปล้าง แล้วจะได้ส่งให้เพื่อนดูเร็วๆ
…นั่นเป็นวันสุดท้ายที่ความรู้สึกดีๆของพ่อ จะถูกจดเอาไว้…
…”เอี๊ยด…….” เสียงเบรค ลากยาว จากรถ Honda Accord ทะเบียน นครราชสีมา ดังยาวสนั่นไปทั่วท้องถนน
พ่อนอนนิ่ง ลมหายใจ แผ่วๆ อยู่ ไม่ไกลจาก จักรยานคู่ชีพ
เจ้าของร้านถ่ายรูป วิ่งออกมา เขย่าตัวพ่อ…ร้องเรียก “ลุงๆ…เป็นอะไรหรือเปล่า…”
พ่อไม่ขยับตัว พ่อเกือบถึงร้านถ่ายรูปแล้ว ..เพียงแค่ไม่กี่ก้าว เท่านั้นเอง..
…เสียง ไซเรน ดังมาแต่ไกล…..
เช้าวันรุ่งขึ้น กลางเล่มของหนังสือพิมพ์ ปีนี้พิเศษกว่าทุกปี เพราะ มี สกู๊ปพิเศษเรื่องวันทหารผ่านศึก
รูปพ่อ ตอนไปร่วมงาน ขึ้นหลากลางหน้าเลย
พ่อหล่อและเท่ห์มากในชุด ทหาร
ถ้าพ่อไม่ล้มไปเมื่อวาน วันนี้พ่อคงวิ่งเอาหนังสือพิมพ์มาอวดเพื่อนทั้งวันแน่ๆ
นึกถึงหน้าพ่อ ที่ดีใจ ยิ้มแก้มปริ ทั้งวัน …
แต่ เสียดาย…เสียดาย…ที่พ่อไม่ทันได้ดู…
เพราะสมองของพ่อ ..ไม่รับรู้ …เรื่องราวใดๆ เสียแล้ว
…..
พี่ป๋องรู้ว่าสมองเป็นส่วนสำคัญของร่างกายมนุษย์ แต่ก็เพิ่งรู้ว่า สมองคนเรามัน sensitive มาก
ตอนรถพยาบาลย้ายพ่อออกมาจากโรงพยาบาลนครชัยศรี เพื่อ มาพบกับแพทย์ทางสมอง อาการบาดเจ็บของพ่อหนักมากเพราะเลือดคั่งในสมอง จนพ่อหมดลมหายใจก่อนเข้าห้องผ่าตัด….
แพทย์ที่โรงพยาบาลนครปฐม คุณหมอชัชวาลย์ ท่านเก่งมาก พอทราบอาการท่านก็เตรียมห้องผ่าตัดไว้เลย
“คุณลุง ท่านหยุดหายใจไปสามนาที นะครับ ตอนที่ผมนำคุณลุงเข้าห้องผ่าตัด…อาการแบบนี้ ไม่ดีเลย”…คุณหมอบอก
“ญาติต้องทำใจนะครับ เพราะ จากสภาพคนไข้แล้ว การรักษาพยาบาล ให้รอดชีวิตดูเหมือน มีความหวังน้อยมาก” คุณหมอบอกด้วยเสียงเบาๆ แต่พี่ป๋องปล่อยโฮ เลย
หน้าตาพี่ป๋องตอนนั้น โทรมยิ่งกว่าคนไข้ในโรงพยาบาลเสียอีก เพราะ เมื่อทราบข่าวก็บินตรงจากโตเกียว ลงเครื่องต่อรถ แล้วก็ที่โรงพยาบาลนครปฐมนี่เลย
ความหวังลางเลือนมาก…ที่จะทำให้พ่อรอดในครั้งนี้ได้
แต่ด้วยฝีมือหมอ และ ความอึดของพ่อ ทำให้พ่อ ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
พ่อฟื้นมาด้วยสภาพใหม่ เป็นสภาพคนป่วย ที่ชราภาพ และที่สำคัญ พ่อสูญเสียความจำไป …แทบจะทั้งหมด
หมอชัชวาลย์บอกว่า พ่อเป็นคนแก่ ที่ แข็งแรงมาก จึงฟื้นขึ้นมาแบบผิดปกติ และ มีโอกาสที่อาการจะดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น กระบวนการ ฟื้นความจำ จึงต้องทำทุกวิถีทาง ที่จะทำให้พ่อ กลับมาใช้ชีวิตเช่นคนธรรมดาให้ได้
กระบวนการดูแล และ ฟื้นฟู พ่อ ก็ได้เริ่มขึ้น
เริ่มจากหัดพูดก่อน… เพิ่งจะรู้ว่า สมองมีส่วนที่ประดิษฐ์คำพูดด้วย และ ในตอนแรก เจ้าส่วนนี้ของพ่อ มันเสียไป กว่าจะเริ่มพูดได้ พ่อใช้เวลาเกือบเดือน
พี่ป๋องจำได้แม่นเลย เพราะ พ่อไม่พูดอยู่นาน กว่าจะกลับมาพูดได้ครั้งแรก ก็ในวันครบรอบวันเกิดพี่ป๋องพอดี 25 กุมภา…
ในวันนั้น พี่ป๋องรู้่ว่า ไม่มีของขวัญใด จะดี ยิ่งกว่าครั้งนั้นอีกแล้ว…วันที่พ่อ เริ่มกลับมาพูดได้ …นึกแล้วยังรู้สึกดีใจอยู่เลย
…
การฟื้นความจำคนเราไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ เพราะ พี่ป๋องก็ไม่รู้ว่าจะฟื้นกันยังไง
ก็เริ่มจาก กิจวัตร ที่พ่อทำเป็นประจำ เพราะ ถ้าพาพ่อไป พ่อน่าจะ นึกๆ อะไรออกขึ้นมาบ้าง
รู้ว่าพ่อชอบไปตลาด วัตถุประสงค์หลัก ไม่ได้ไปซื้อกับข้าว แต่ เข้าใจว่าไปจีบแม่ค้า…โดยเฉพาะ แม่ค้าสาวๆ ดังนั้นทุกวันเสาร์ วันหยุดพี่ป๋อง ก็จะต้องพาพ่อไปตลาด
ตลาดวัดกลาง ที่นครชัยศรีนี่แหล่ะ …ที่ประจำพ่อ
ไปเจอเพื่อนๆพ่อ ซึ่งก่อนหน้านี้ เราไม่เคยรู้จัก เพราะ เวลามา ก็ไม่ค่อยได้คุยด้วย พอมาตอนนี้ เลยรู้ว่า พ่อรู้จักคนแทบจะทั้งตลาด
และคนส่วนใหญ่ ก็ รู้จักพ่อดี เพราะ พ่อคุยสนุก หลายคนไม่ทราบว่าพ่อหายไปไหน นึกว่าย้ายบ้านไปแล้ว พอเห็นพ่อ ก็ปรี่ข้ามาทักทาย ทุกคนตกใจ ที่ เพิ่งรู้ว่าพ่อมีอุบัติเหตุ เพราะ นี่ก็ร่วมปีแล้วหลังวันนั้น
การเข้ามาพูดคุย จับไม้จับมือ พี่ป๋องสังเกต อาการโต้ตอบของพ่อ ได้ดี และ เชื่อว่าวิธีนี้ ช่วยได้จริง เพราะ ดูเหมือน ภาพเก่าๆ จะกลับมา
กิจวัตรหลังจากนั้น คือ พาพ่อไปเที่ยว ทุกที่ ที่คุ้นเคย ….
และที่ๆที่ สำคัญที่สุด ..ก็ที่นี่ ล่ะ อนุสาวรีย์ชัยฯ.. วันที่ พ่อจะตั้งใจทุกปี ที่จะได้มา
ปีนี้เลยเป็นปีแรกที่ได้ไปกับพ่อ ในฐานะลูกทหาร คนหนึ่ง…
ปี 2008 วันที่ 3 กุมภา …ครบหนึ่งปี พอดี ..สำหรับการเกิดใหม่
…
วันนี้พ่อตื่นแต่เช้ามืด
พ่อกระปรี้กระเปร่ามาก อาการของพ่อดีขึ้นเรื่อยๆ กลับมาพูดได้ กลับมาเดินได้ โดยไม่ต้องใช้ไม่้เท้า
พี่ป๋องว่า พ่อพี่เป็น ซูเปอร์แมน เพราะ ตัวเองยังไม่เชื่อเลยว่า คนไข้ โคม่าขนาดนี้ จะ กลับมาเดินปร๋อ ได้ภายในปีเดียว
วันนี้พ่อตื่นเช้า เพราะ รู้ว่าต้องไปงานวันทหารผ่านศึก บางคนอาจจะทราบว่า ที่นี่เค้าทำพิธีกันตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
งานเริ่มแต่เช้า จะได้ไม่ต้องกลัวรถติด
พ่อเอาชุดทหารมาใส่ พ่อทานเยอะ แต่ ก็โชคดีที่ไม่อ้วนจนคับใส่ชุดไม่ด้
ชุดทหารของพ่อนี่ ใส่กี่ครั้งกี่ครั้ง …พ่อใส่แล้วก็หล่อเหมือนเดิมทุกครั้ง
หลังจอดรถที่องค์การทหารผ่านศึก แล้ว พ่อลูกก็พากันเดือนไป
มีทหารมาให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ พ่อดูยิ่งใหญ่มาก เวลามาที่นี่
ตอนเช้า เป็นช่วงของพิธีสงฆ์ ทำบุญ ให้ “ทหาร ผู้กล้ารบ” ที่เสียชีวิตไป
เครื่องแบบสีขาวดูสวยสง่า น่าเกรงขาม
วันนี้ พ่อมาในมาดของ สิบเอก ชนะ วงษ์เกษม ….
มาในฐานะ ของทหารที่ผ่านศึกมาทั้งเวียตนาม ลาว และ เกาหลี
พ่อดูจะคึกคักกว่าปกติ อาการเดินเซของพ่อ ไม่ปรากฏให้เห็นในวันนี้ เลย
ดูเหมือนพ่อจะมีความสุขมากที่ได้กลับมาเจอเพื่อน อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งน้อยคนจะทราบว่า วันนี้เมื่อปีที่แล้ว พ่อ ต้องล้มหมอนนอนเสื่อ พยาบาลรักษาตัวอยู่ถึงหนึ่งปี ถึงได้กลับมาเดินอย่างนี้ได้
เพื่อนพ่อ ที่เราไม่เคยได้รู้จัก ก็ได้รู้จักกันวันนี้เอง..
พ่อบอกว่า เพื่อนเหลืออยู่ไม่กี่คนแล้ว
“เพื่อนกินหายาก เพื่อนตายหาง่าย… เพราะ ตายกันทุกปี” พ่อบอก
เอาเป็นว่า ปีใหนใครหายหน้าไม่มาร่วมงาน เป็นอันรู้กันว่า อาจจะได้ไม่ได้มากันอีกแล้ว
ลมหนาวเพิ่งจะหมด แต่วันนี้ฝนตกลงมาด้วย ทำให้อากาศไม่ร้อน แต่ ก็เล่นเอาเปียก
ทหารบาดเจ็บ และรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล นั่งรถเข็นมาร่วมงาน เปียกปอนไปไม่น้อยเหมือนกัน เพราะ อยู่ในแถว ฝนมาก็หลบไม่ได้
แถวพิธี ทำออกมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย …ตอนนั้นคุณสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มาร่วมงานด้วย
ดูแล้ววันนี้พ่อมีความสุขมาก…เพราะ สมัคร ก็เป็นคนโปรดของพ่อคนนึง
เห็นสายตาพ่อแบบนี้ พี่ป๋อง ก็กะไว้ว่าจะพาพ่อไปทุกปีล่ะครับ
ก็อยากได้เป็นแบบนี้ไปอีกหลายๆ ปี….ดีจัง…
….(มีต่อ)
>>>อ่านตอนต่อ ศึกสงบ สงบศึก<<<