Night Rider

“ป๋อง…แม่จะทำบุญนะลูก วันที่ 15 นี้…แม่อยากให้มาทำบุญด้วย…” เสียงแม่ชวนกึ่งสั่งมาทางโทรศัพท์

ด้วยวัย 72 ของแม่ กับ ความห่างเหินของลูกชาย ทำให้ ถึงแม้ไม่มีงานบุญก็คงต้องไปเยี่ยมแม่บ้าง

แม่ชอบย้ายบ้านหรือเปล่าไม่รู้ แต่ ผมรู้สึกว่าแม่ย้ายที่อยู่บ่อย จนบางที ไม่ได้ไปนานๆ ไปอีกทีก็ไม่ใช่ที่เดิมซะแล้ว หรือบางที ไปจะไม่เจอแม่…

ล่าสุดแม่ย้ายบ้านมาอยู่ชัยภูมิ ซึ่ง เดิมทีก็เคยอยู่ที่นี่ แหล่ะ แต่เที่ยวนี้ แม่ย้ายมาอยู่ใกล้ตัวเมืองมากขึ้น …

“มันใกล้โรงพยาบาลดี” … แม่บอก

ผมรับปากแม่ โดยกะว่าจะไปตั้งแต่วันศุกร์ที่ 14 เพราะกะว่าจะลางานสักวัน แล้ว ไปอยู่กับแม่ได้สักสองคืน

============================

อะไรๆ ล้วนไม่แน่นอน

ผมเกิดมีธุระวันศุกร์ขึ้นมา ธุระสำคัญซะด้วย จะเลื่อนก็เลื่อนไม่ได้ แถมนัดเอาตอนกลางคืน … ดังนั้น โปรแกรม ที่จะไปหาแม่ตั้งแต่วันศุกร์ เลยต้องเลื่อนไป

เลื่อนไปเป็นวันเสาร์  ทีนี้แม่บอกว่า จะทำบุญประมาณ 9:00 เช้า ดังนั้น โปรแกรมต้องปรับตาม

ผมคำนวณดูระยะทาง ของ กรุงเทพฯ และชัยภูมิ น่าจะต้องมีสัก สี่ชั่วโมง ดังนัน เอาสบายๆ ก็ออกสัก ตีสาม ถึงสักเจ็ดโมงเช้า …

นั่นคือครั้งนี้ ผมต้องแหกกฏตัวเอง ที่ตั้งใจว่าจะไม่ขี่รถ กลางคืนเด็ดขาด เพราะว่า ตาไม่ค่อยดี … และเชื่อว่า อันตราย จะมากกว่า…

เอาล่ะเสาร์นี้คงจะได้ลองดูกัน

==============================

วันศุกร์ มาถึง…

ธุระที่ผมว่า เสร็จเอาก็ปาไปห้าทุ่มแล้ว .. การนอนเพื่อตื่นนอนตีสองครึ่ง จะทำให้ได้นอนประมาณสามชั่วโมง

การชี่รถมอเตอร์ไซต์ จำเป็นมากๆ ที่ จะต้องนอนเพียงพอ แต่ที่ผมจำได้ เมื่อคืนพฤหัส ก็นอนไปแค่สามชั่วโมง  มาคืนวันศุกร์ ก็อีกสามชั่วโมง นอนรวมสองวัน ยังน้อยกว่าบางคนที่นอนคืนเดียวเลย

แต่ความมุ่งมั่นในการขี่รถกลางคืนคันเดียว ..ครั้งแรกของผม มันทำให้ ตื่นเต้น (หลังจากที่ความรู้สึกนี้ มันหายจากผมไปนานมากแล้ว) เลยทำให้เกิดการตื่นตัว ช่วยให้ไม่ง่วงได้

ผมเตรียมของ กว่าจะออกจากจุดเริ่มต้นได้ก็ ปาไปตีสามครึ่ง… สตาร์ทเครื่องยนต์ ยามวิกาล เวลานี้ ทำให้ได้ยินทุกรายละเอียดเสียง .. นึกขอบคุณตัวเอง ที่ ตัดสินใจไมใส่ท่อแต่ง เพราะ เสียง ประมาณนี้ กับ ยามวิกาล ไม่ได้ปลุกชาวบ้านขึ้นมาให้พรยามเช้า

การขี่รถ ผมเตรียมทั้ง GPS และ การบอกข้อมูลการขับขี่ เจ้า App บนโทรศัพท์ จะช่วยเตือนให้ขับขี่อย่างประหยัด ไม่เร่งเครื่องอย่างไม่จำเป็น ด้วยการเปลี่ยนหน้าจอ เป็นสีเขียว เป็นการบอกว่า บิดประมาณนี้ ดีแล้ว ..  ได้ทั้งประหยัด และ ปลอดภัย แถมแสงสี ยามค่ำคืน จากหน้าปัด ก็ดูสวยงาม

ผมขี่ออกมาตาม GPS เที่ยวนี้ เจ้า GPS มาแปลก ขับพาวิ่งออกปทุม วิ่งเส้นตรงแหน่ว ไปออก บางประอินเลย … จัดเป็นอีกเส้นที่น่าขี่รถมาก ในยามนี้ เพราะไม่มีรถอื่นมาวุ่นวาย สัญญาณตามแยก หลายจุด ก็ปรับเป็น สีเหลืองกระพริบให้ชะลอ ไม่ต้องหยุดรถ

ผมวิ่งออกมา แวะที่แรก แถวๆ สระบุรี หลังจากวิ่งมาหนึ่งชั่วโมง เพราะ จะได้ยืดเส้นยืดสาย ขี่รถ ต้องแวะคลายเส้นบ้างครับ เพราะนานๆ เมื่อยเหมือนกัน

ระยะทางที่วิ่งมา เจอรถบรรทุกเป็นส่วนใหญ่ และ ไม่ค่อยอันตราย เพราะ ไฟท้ายชัดเจน และส่วนใหญ่หลบเลนซ้ายกัน ไม่ค่อยมี วิ่งมาขวาให้ลุ้น เส้นทาง ก็ไม่ร้อน แต่ ไม่ถึงกับเย็น เพราะ อากาศหน้านี้ กลางวัน ร้อนมาก

ป้ายที่สอง ผมจอดที่ สีคิ้วครับ  เพราะ น้ำมันที่เตรียมไว้เต็มถัง เหลือ แค่สองเม็ด เลยต้องเติมไว้ก่อน ปกติ วิ่งออกทริป ปริมาณน้ำมันที่ปลอดภัย ที่ผมใช้เสมอคือ สองเม็ดนี่แหล่ะครับ ลงมาถึงเมื่อไหร่ ก็ต้องทำสองอย่างนี้

  1. วิ่งไม่เกิน 120 km/hr เพื่อ ใช้น้ำมันในอัตราประหยัด
  2. มองหาปั๊ม ปั๊มไหนก็ไม่ค่อยเลือก มากครับ ถ้ายี่ห้อ คุ้นหู ก็เติมได้เลย

เติมน้ำมันที่สีคิ้วเรียบร้อย เส้นทาง เริ่มเข้าสู่เส้น 201 ซึ่งจะมีความกว้างถนนไม่มาก เพราะ เป็นสองเลนสวนกัน  จะเป็นอย่างนี้ ไปร่วม 50 km ครับ ดังนั้น ช่วงที่วิ่งเส้นช่วงนี้ ก็ ต้องระมัดระวังอย่างมากครับ โดยเฉพาะ ตอนแซง และ เข้าโค้ง

ผมสังเกตตัวเอง ว่าการมองเห็นที่ เป็นกังวลตั้งแต่แรก เอาเข้าจริง ไม่ได้เป็นปัญหาครับ ภาพการวิ่งเวลากลางคืน ค่อนข้างชัดเจน ทั้งๆ ที่ผมเอง มีทั้งสายตาสั้น และ สายตายาว ในตัว (อันหลัง เป็นตัวบ่งบอก ว่าอายุ อานามไม่น้อยแล้ว) และ ไม่ได้ใส่แว่นตาขับรถ แถมตาขวา ก็มีอาการต้อกระจกที่ทำให้ อาจจะเบลอๆ ไปบ้าง แถมอีกหนึ่งรายการ

ลองนึกๆ ดู คิดว่า ที่ ขี่รถกลางคืน แล้ว มองได้ชัดในเที่ยวนี้ น่าจะเป็น

  1. ได้นอน ก่อนออกทริป และ ทำการ fresh ตัวเอง ก่อน ขี่รถ ด้วยการยืดเส้นยืดสาย เต้นฟุตเวอร์ค ก่อนขี่
  2. ไฟหน้าที่ติดตั้งเพิ่ม มีความสว่าง และ ตั้งระยะได้เหมาะสม ทำให้ การขับขี่ที่ความเร็ว 120-150 km/hr ในเวลากลางคืน สามารถ มองได้ไกลพอ

แต่เรื่องไฟ sport light ที่ติดตั้งไว้ นั้น ก็อาจจะส่องสูงไปนะครับ เพราะ ได้รับการ ยกไฟสูง จากรถที่สูงมาแทบทุกคัน จนต้องปรับลดลงมาหน่อย เพราะ เข้าใจว่า แยงตา ผู้ขับขี่ที่สวนมาพอสมควร

ผมมาถึง อ.จตุรัสเอาตอนแสงเริ่มเรื่อๆ ยามเช้า…

ผมแวะจอดที่สุดท้ายที่ปั๊ม เพราะ เมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว ช่วงที่แสงยามเช้ากำลังจะมา ผมก็เจอกับ มวลมหาชาวแมลงฝูงใหญ่

ถ้าเปรียบว่า รถที่ขี่เป็นยานอวกาศ ตอนที่ฝ่าแมลงมาก็เหมือน กับบินเข้าท่ามกลางกลุ่ม อุกกาบาต

เสียง โป๊ะ ป่ะ โป๊ะ ป่ะ ที่แต่ละเสียงหมายถึงหนึ่งชีวิต ดังตลอดเวลา จนผมต้องหมอบตัวลงเพื่อ หลบ กระสุนชีวิตที่วิ่งเข้ามาไม่ขาดสาย

ชิวหน้า รถ และ ชิวหน้าหมวก เต็มไปด้วยแมลง  และ จากที่ขี่มา ทำให้รู้ว่า ต้องรีบไปล้างออก เพราะมันจะเป็นยางเหนียว

ความเร็ว ที่อัดอั้นเมื่อตอนกลางคืน ก็เริ่มโดนปลดปล่อยเอาตอนมีแสงนี่แหล่ะครับ เพราะ วูบเดียว น้ำมันที่เพิ่งเติม ที่สีคิ้ว ก็ตกลงมาเหลือ สามเม็ด ในเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้น ต้องเติมทั้งน้ำมัน และ ล้างหมวก ชิว และ กระเป๋า ที่เต็มไปด้วย ซากแมลง ทีติดเหนียวอยู่ที่กระเป๋า

จากการขี่รถ กรุงเทพฯ – ชัยภูมิ เที่ยวนี้ ใช้เวลาไป สี่ชั่วโมง กับ สิบนาที … ขับขี่โดยปลอดภัย ไม่เจอเหตุการณ์ตื่นเต้น  และ เที่ยวกลับ ผมจะลองอะไรบางอย่างดู

==================================

ขากลับ ผมตั้งใจที่จะทำอยู่สองเรื่อง

อย่างแรกคือ วิ่งให้นานที่สุด ดูซิ ว่าจะถึงสองชั่วโมงได้มั๊ย … เพราะ ปกติ จะเมื่อยตูดซะก่อน

อย่างที่สองคือ จะควบคุมความเร็ว ไม่ให้เร็วมากกว่า 130 km/hr เพื่อดูว่า การประหยัดน้ำมันทำได้ดีเพียงใด

ขากลับ ผมตั้งเวลาเดินทางให้ออกตีสาม เหมือนเดิม แต่เที่ยวนี้ ออกได้ตามเวลา เพราะ เตรียมตัวดีกว่าขามา

วิ่งมาเรื่อยๆ บรรยากาศ ขี่รถ ยามวิกาล นี่มันสบายจริงๆ ทั้งๆ ที่เป็นหน้าร้อน อากาศต้องบอกว่า สบายครับ เพราะ ไม่หนาวด้วย ทั้งๆ ที่ ใส่แบบ Air flow มา

รถขาเข้ากรุงเทพฯ ก็ไม่ได้เยอะมากครับ วิ่งได้สบายๆ รถยนต์ส่วนใหญ่ ขับอยู่ระหว่าง 100-120km/hr ดังนั้น เราวิ่ง 130 km/hr ก็จะเร็วกว่าคันอื่น นิดหน่อย ค่อยๆ แซงมาทีละคันสองคัน

ผมวิ่งรวดเดียว สองชั่วโมง มาเติม น้ำมันเพราะเหลือ สามเม็ด อยู่ที่สระบุรี ซึ่งจริงๆ แล้ว ถ้าลองลากให้หมดเลย ก็อาจจะมาถึงกรุงเทพฯได้ แต่ เอาปลอดภัยไว้ดีกว่า เลย เติมน้ำมัน และ พักเมื่อย

ไม่เคยขี่ติดต่อกันนานขนาดนี้ครับ เพราะออกทริป ก็จะจอดกันบ่อย ขี่เอง ก็ จอดตามใจ แต่เที่ยวนี้ มันกลางคืน ไม่ค่อยน่าจอดนัก เลยวิ่งทีเดียว มาจอดเอานี่ เลย

สองชั่วโมงนี่เป็นการขี่รถที่สุนทรีย์มากครับ เพราะ ขี่สบาย อากาศดี รถน้อย และ ถนนเป็นของเราอย่างว่า สิ่งแปลกปลอมบนถนน ไม่มีให้เห็นเลย

ทำให้การขี่ Night ride ของผม แบบจริงจังครั้งนี้ .. มีความสุขมาก แถมทำให้ความเชื่อที่ว่า ไม่ปลอดภัย นั้น ปรับมุมมองเปลี่ยนไปเยอะ … เพราะ เอาเข้าจริงๆ ไม่กล้าขี่เร็วเหมือนตอนกลางวัน

ขี่ให้เซฟ ก็ เตรียมตัว เตรียมรถให้พร้อมม และ ใช้ความเร็วเหมาะสมครับ…

มีโอกาส ลองขี่กันครับ และ ระมัดระวังกันด้วยครับ