Posts from the ‘Elantra Club’ Category

รถในฝัน


FB ปกที่สองร้อย

แม่สีมีแดง น้ำ เงิน เหลือง

อยากมีรถสีเหลืองเหมือนกัน เป็นสีรถในฝันสมัยเด็ก

ตอนเป็นเด็ก พ่อซื้อ”รถเหล็ก” (รถโมเดลคันเล็กๆ ที่ทำจากโลหะ มีประตูเปิดได้ ) ไถเล่นบรื้นๆ

พอโตทำงานได้ ยุคนั้นใครมีรถถือว่าโก้ สำเร็จ และ รถแพงมาก จะมีรถทีไม่ง่ายเพราะภาษีสูงปรี๊ด

มีปีหนึ่งรัฐบาลปรับภาษี ราคารถถูกลงมากจนหลายคนเอื้อมถึง…ยกเว้นผม

หนี้ก้อนแรกจากน้ำพักน้ำแรง เป็นบ้านและรถ ตอนนั้นอายุยี่สิบกว่าๆ ซื้อรถเงินสดไปเป็นหนี้บ้าน แต่ซื้อวันเดียวกันเลย

ดอกเบี๊ยบ้านวันนั้น 13.5% คำนวณแล้วควรเป็นหนี้รถมากกว่า แต่คำนวณละเอียด ทำแบบนี้ดีแล้ว

รถคันแรก สีขาว หลังจากนั้นไม่อยากได้รถสีขาวอีกเลย เพราะ ขี้เกียจล้างบ่อย

ภาพนี้เด้งขึ้นมาวันที่เอารถมาล้าง

TIBBY สีแดง
HIKARI น้อยกลอยใจ สีน้ำเงิน

เอามาล้างคู่เลย เผื่อ เค้าลดให้

ร้านบอกล้างสิบคันยังไม่ลดเลย …^^

Elantra trip


ชม VDO ทริปนี้ได้ที่ https://youtu.be/IIKwUOx4iUY

ว่าไปแล้วผม เกือบไม่ได้มาแล้วครับทริปนี้…

… เรื่องของเรื่องก็คือโดยปกติแล้วผมไม่ค่อยได้อ่านไลน์ของกรุ๊ป ECT Elantra Club Thailand นี้หรอก…

เพราะว่าสมาชิกกลุ่มนี้คุยกันแต่ละหลายร้อยข้อตวาม…

จนวันหนึ่งพี่ยอด ผู้ใหญ่ใจดี ของ Club ส่งไลน์มาชวนผมมามิตติ้งนี้…ไม่งั้นผมตกข่าวไม่ได้มาแน่ๆ พี่ยอดช่วยดูแลจากเดิมไม่มีที่นอนจนได้ห้องกับเขาที่ Bunyan tree หัวหิน

พวกเรานัดกันในเช้าวันเสาร์เวลา 9 โมง ที่จุดนัดพบยอดนิยม Porto chino …ผมมาถึงก่อนเวลานิดหน่อย สมาชิก ทยอยกันมาบ้างแล้ว โดยน้องแบงค์น้องนิวนี่ทำขนมเปี๊ยอร่อยอร่อยๆมาแจก

ส่วนพี่ยอด แกมาคอยแจกเสื้อที่ระลึกที่ฝากพี่ยอดซัก โดยพี่เขาคิดตัวละ 20 …

เสื้อคลับ ทางกลุ่มทำมาขายราคาตัวละ 250 บาทเอง เนื้อผ้าและลวดลายสวยเลยทีเดียว

เสื้อสีน้ำเงิน 60 สีขาวมีลายปักที่ด้านหลัง, แขนแล้วก็ที่หน้าอก เนื้อผ้าดี เป็นที่ถูกใจ

ทราบมาว่าน้องเอกสถาปนิกในกลุ่มของเราเป็นคนออกแบบแล้วให้พี่ท่านหนึ่งเป็นคนทำเสื้อ

คณะฯเดินทางโดยเล็งจุดหมายแรกเป็น ร้านกาแฟที่ชื่อว่า Sanus hobby farm ร้านนี้ตกแต่งสวยงามมีแกะและมุมถ่ายภาพหลายจุด  โดยใครที่อยากเอารถเข้าไปนี้จะต้องเสียค่ารถเช้าในราคาคันละ 50 บาทซึ่งพรรคพวกทำการต่อรองเหลือ 40 บาทแล้วสุดท้ายก็ไม่เอาเข้าไปสักคันพวกเรา…555

เพราะมา 15 คัน ก็ 600 ผมบอก จ่าย 300 อุ้มแกะออกมาถ่ายข้างนอกไม่ต้องเลื่อนรถ ดูเหมือนจะดี

เราแวะ ดื่มกาแฟนั่งเล่นคุยกันอยู่ที่นี่สักพักใหญ่ก็เริ่มออกเดินทางไปยังร้านอาหารกลางวันที่เราเล็งไว้คือร้านชาวเล

ระหว่างการเดินทางไปร้านชาวเล ชาว ECT มีของเล่นชิ้นใหม่มาให้เล่นเป็น application ที่ชื่อว่า Pop Corn สนใจ  app นี้ดาวน์โหลดได้ใน play store

เมื่อทำการเปิด Pop corn  มันจะทำหน้าที่คล้าย  walkie talkie ข้อดีของมันก็คือเวลาพูดไม่ต้องกดปุ่มใดๆเรียกว่าพูดไปก็ได้ยินกันทั้งคณะเลยแถมบางสามารถเชื่อมต่อเข้าไปในบลูทูธแล้วทำให้เสียงออกไปที่ระบบ media player ของรถเราได้ด้วยซึ่งมันจะเปิดออกมาในหน้า  เหมือนตอนที่เราต่อ Bluetooth แล้วมีสายเรียกเข้านั่นแหล่ะ

เวลาขับไป เปิด app นี้ มันก็จะทำการเชื่อมโยงการสนทนาของรถทุกคันเข้ามาด้วยกัน แล้วในกรณีที่เราไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยินบทสนทนาในรถเราก็สามารถกด Mic Mute ได้

พวกเราวิ่งมาจนถึงร้านชาวเล ปรากฏว่า ช่วงเวลากลางวันวันนี้ร้านชาวเลมีลูกค้าคับคั่งมากจนไม่มีที่จอดรถ

พวกเราเคลื่อนขบวนออกมาสักพักใหญ่ก็ยังไม่มีที่จอดก็เลยเปลี่ยนใจไปเป็นร้าน ลาแมร์ ร้านลาแมร์ อยู่ในเขาตะเกียบ ว่ากันว่าเป็นร้านที่มีวิวสวยที่สุดในย่านนี้ ผมเองก็เคยมาหลายครั้งแล้วก็ประทับใจทุกครั้ง พวกเราแบ่งออกเป็น 4 โต๊ะ ก็นั่งกันประมาณโต๊ะละ 8 -9 คน

ทานอาหารกันหลายอย่างทางกันจนอิ่มค่าอาหารเฉลี่ยเอามาตบหัวละ 250 บาทเท่านั้น ถือว่าไม่แพงเลยสำหรับอาหารทะเล อร่อยๆแบบนี้

หลังจากทานอาหารเสร็จพวกเราก็เข้าที่พักกันครับ ที่พักที่เรามาพักชื่อว่า บันยันรีสอร์ทแอนด์สปาหัวหิน อยู่ไม่ห่างจากอุทยานราชภักดิ์ บรรยากาศดี ที่นี่สร้างเป็นรีสอร์ทเป็นหลังๆ หลังหนึ่งมี 2 ห้องใหญ่พร้อมห้องนั่งเล่นตรงกลาง ด้านหลังมีสระว่ายน้ำยาวตลอด โดยสระที่ว่านี้จะยาวผ่านบ้านพักทุกหลังเลยครับ

เช็คอินกันเรียบร้อยชาวคณะจะนัดกันไปเล่นกิจกรรมจะไม่นานครับ ก็มีการเล่นลิงชิงบอลบ้างบางคนก็เอาเรือไปลอยน้ำบ้างบางคนจะว่ายน้ำบ้างเป็นที่สนุกสนาน พวกเราเล่นลิงชิงบอลกันอยู่เป็นชั่วโมงชั่วโมงเลยนะครับสนุกมากทำให้ได้รู้จักกันทั้งกลุ่ม มีทั้งผู้ชายผู้หญิง เด็ก,หนุ่ม,สาวและคนชรา (อันนี้ผมหมายถึงพี้ยอดคนเดียว^^)

ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วมากสักพักก็ได้เวลาออกไปทานอาหารกัน โดยเราเลือกมื้อค่ำเป็นร้านโสภา

ร้านโสภาอยู่ ไม่ไกลมากจากที่พักแต่ตอนที่เข้ามาที่ร้านนั้นฝนตกอย่างหนักทำให้จอดรถแล้วต้องวิ่งฝ่าฝนเข้าไป

ร้านโสภาเป็นร้านอาหารทะเลที่มีอาหารทะเลสดมากครับ เราทานกันเต็มที่ ร้านออกมาต่อให้อยู่ที่ประมาณไม่ถึง 300 บาทเลย จัดเป็นอีกมือที่คุ้มค่าครับ

กิจกรรมช่วงเย็นนั้นสัพเพเหระแล้วล่ะครับซึ่งมีเซอร์ไพรส์ด้วยการเป่าเค้กวันเกิดพี่หนุ่ยหนึ่งในสมาชิกของ ECT หลังจากนั้นก็เป็นการเสวนาฮาเฮ เล่นเกมทายคำกัน นะครับ

รอบดึกนี่จะมีน้องบางคนเล่นกีฬาในร่มกันนะครับ นั่งบวกเลขกันนั่นแหละ

ผมแยกออกมาเราเราตีหนึ่งเพราะพรุ่งนี้วางแผนว่าจะออกไปวิ่ง

ตื่นเช้ามาตอน 6 โมงกว่ากว่าอากาศกำลังดีเมื่อคืนมีฝนตกบ้าง เช้าๆเลยชุ่มชื้น ผมล้างหน้าแล้วก็สวมชุดกีฬาใส่รองเท้าวิ่งจ๊อกกิ้งออกไปด้านหน้าโครงการ

ถามรปภ.ว่าอุทยานราชภักดิ์อยู่ตรงไหนรปภ.ชี้ไปทางขวามือผมเลยวิ่งออกไป

แสงแดด*อ่อนๆเริ่มส่องออกมา ผมสังเกตเห็นฝั่งตรงข้ามมี bicycle lane ดูปลอดภัยดีที่สำคัญมีต้นไม้บังแดดให้ตลอดทางผมเลยข้ามถนน ไปวิ่งใน bicycle lane แทน

ด้านทางเข้า bicycle lane มีเหล็กกันไม่ให้รถอื่นใช้ถนนนี้วิ่ง ผมสังเกตเห็นมีตำรวจท่านหนึ่งยืนผมอยู่เข้าใจว่าคงเอาไว้คอยบอกไม่ให้รถมอเตอร์ไซค์เผลอเข้าไปใช้พื้นที่ตรงนี้

bicycle lane ที่นี่ทำไว้ดีแต่ความกว้างของเลนน้อยไปนิดนึงนั่นคือถ้าวิ่งเกิดมาก็จะมาหาได้ทีละไม่เกิน 2 คันต่อฝั่ง แต่ก็เพียงพอสำหรับตอนนี้เพราะไม่มีรถจักรยานมาวิ่งเลย

ผมวิ่งมาได้พักหนึ่งก็ถึงอุทยานราชภักดิ์ครับ ที่นี่มีอนุสาวรีย์ของ พระมหากษัตริย์ที่เป็นมหาราชทั้ง 7 พระองค์ตั้งอยู่ ด้านหน้ามีทหารคอยรักษาความปลอดภัย

ผมวิ่งเข้าไปทหารที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าหันมาคงนึกว่าผมเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่จึงหันมาทำความเคารพกันเป็นแถว เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆเวลาผมไปวิ่งออกกำลัง สงสัยจะอาวุโสได้ที่แล้วน้องๆเลยเข้าใจว่าเป็นผู้ใหญ่แถวนี้กัน แต่ก็ดีครับได้รับการเคารพจากน้องๆ

บริเวณด้านในของอุทยานราชภักดิ์ ว่างมากครับพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สำหรับลานจอดรถสวนทางเข้านั้นจะมีการตรวจแล้วก็ไม่อนุญาตให้สวมกางเกงขาสั้นเข้าไปในบริเวณอนุสาวรีย์โดยทางเจ้าหน้าที่จัดจัดบริการกางเกงขายาวไว้ให้สวมโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ผมเดินเข้าไป ชมและ แสดงความเคารพ ตรงอนุสาวรีย์

แดดเริ่มออกมาสักพักแล้ว และเริ่มร้อนเลยตัดสินใจวิ่งกลับไปที่โรงแรม โปรแกรมช่วงสายไม่มีอะไรเพราะว่าไม่ได้นัดกันไว้เราเช็คใน line ให้พบว่านัดเจอกันอีกทีตอน 10 โมงครึ่งเพื่อการเดินทางกลับ

โปรแกรมระหว่างเดินทางกลับไม่มีอะไรมากมีแค่นั้นการถ่ายรูปที่อุทยานราชภักดิ์อย่างเดียว วันนี้ผมเลยได้มาเยือนที่นี่สองรอบ รอบแรกวิ่งมา  

รอบนี้ไปอ้อนเจ้าหน้าที่เขา จอดรถถ่ายภาพ ซึ่งปกติจะห้ามนะครับ ผมเองก็ follow น้องน้องไปครับมาด้วยกันแล้ว (แต่ถ้าเลือกได้ก็อยากชวนน้องๆ ทำตามกฏเกณฑ์)

ถ่ายเสร็จก็แยกย้ายครับ ผมเสนอแวะร้านของฝากร้านของเสียงยง ร้านชิดชนก แต่มีสมาชิกเสนอขึ้นมาอีก 2 ร้านผมเลยขอแยกตัว ณ.จุดๆนี้เลยเพราะว่ายังไงก็ต้องไปแวะหาเสี่ยย้งอยู่แล้ว

นั่นจะเป็นการจบโปรแกรมทริปนี้ของเรานะครับ 2 วัน 1 คืนที่ผ่านมาถือว่าได้พักผ่อนคุ้มค่าและได้รู้จักน้องๆตัวเป็นๆ ที่ชื่นชอบรถยนต์ฮุนไดเอลันตร้ารุ่นเดียวกัน มาที่เที่ยวนี้บอกได้เลยว่าจะกิเลสขึ้นเยอะเลยเพราะว่าแต่ละคันแต่งงานสวยๆทั้งนั้นกลับไปครั้งนี้คงได้เสียเงินให้น้าตั้มแน่ๆ

ขอบคุณผู้จัดทุกท่านที่ได้ทำให้มีทริปดีๆแบบนี้ครับไว้มีโอกาสคงได้ร่วมทริปกันอีกครับ