“พี่ป๋องกินเร็วจัง…” เสียงบอกจากคนข้างๆ  พร้อมหัน ตาโตๆ มองหน้าพี่ป๋อง ดูเหมือนเห็นของประหลาด

“อืม…” พี่ป๋องทำเป็นไม่ได้ยิน และยังเคี้ยวตุ้ยๆ ต่อ ..

 

จะว่าไปแล้ว คำพูดแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยิน…เพราะได้ยินมาตลอด

เรื่องของเรื่อง ไม่มีอะไรมากไปกว่า การ “เคี้ยว” อาหารที่น้อยเกินไป เรียกว่า เคี้ยวสองสามทีก็กลืนซะแล้ว…บางทีก็กลืน โดยไม่ค่อยได้เคี้ยวก็มี

Speed การกิน ที่ปราศจากการบดขยี้  มันก็เลย เร็วเป็นธรรมดา…

….

เมื่อก่อนพี่ป๋องเองก็ไม่ได้เป็นคนกินเร็ว นะครับ

ก็ เคี้ยวตุ้ยๆ เหมือนคนอื่นๆเค้านั่นแหล่ะ

ตอนเด็กๆ ยิ่งช้าหนัก เพราะ มีการ “อม” ข้าวด้วย …ถ้านึกไม่ออก ให้นึกภาพลิงเวลากิน ที่มันจะเอาเข้าไปอม อมจนแก้มตุ่ย นั่นแล่ะ

จำได้ว่า โดนพ่อว่า เรื่องอมข้าวนี่หลายครั้ง…จนหลังๆ นี่เลิกอม

จนกระทั่งมาเรียน ม.ปลาย ตอนอยู่ ม.4 เพื่อนร่วมแก๊งค์ อย่าง สมบัติ และ สีหา (ชื่อคนนะครับ ชื่อ สีหา จริงๆ อย่างเรียกเพี้ยน เป็นอย่างอื่นเป็นอันขาด) นี่กินเร็วชนะเลิศ…

เร็วขนาดว่า วางจานปุ๊ป เราตักไม่กี่คำ เพื่อนจ้วงๆ แผล่บเดียว เกลี้ยงจาน แล้วก็มานั่งกดดัน เราอยู่บ่อยๆ

ตอนหลัง พี่ป๋องเลยต้องปรับปรุง การกิน จนทัดเทียม …เรียกว่า เพื่อนไม่ต้องรอ อีกต่อไป

ตั้งแต่นั้นเลยกลายเป็นคนกินเร็ว มาโดยตลอด…

พี่ป๋องเข้าใจว่า การกินเร็วไม่ได้มีปัญหากับใคร นอกจาก ท้องไส้เราจะทำงานหนัก

เข้าใจอย่างนี้ มาตลอด จนกระทั่งบวช

วันแรกๆ ที่บวชนี่ เวลาฉันข้าว ก็ต้อง ฉันร่วมกันกับพระทั้งวัด

ช่วงแรก โชคดี ฉันโต๊ะ เดียวกับเจ้าอาวาส หลังจากที่ ทุกคนนั่งประจำโต๊ะ ญาติโยม มาถวายอาหารเรียบร้อย ก็เริ่มฉัน

พระป๋อง ก็สำรวม ตามระเบียบ ฉันข้่าวตามปกติ พอฉันข้าวเสร็จ ก็ ฉันของหวาน จนอิ่มเรียบร้อย ก็รวบช้อน เป็นอันเสร็จกระบวนการกิน เอ้ย การฉัน

 

ไม่ทันไร หลวงพี่ ที่พรรษาเยอะกว่าก็สะกิด …

เราก็สงสัยว่าจะสะกิดทำไม ..ที่ไหนได้

เสียงกระซิบมาจากหลวงพี่เบาๆ พอให้ได้ยิน…

 

“หลวงพี่…เวลาฉันน่ะ รอเจ้าอาวาสบ้าง….”

หันไปดู ตายล่ะหว่า เจ้าอาวาส เพิ่งฉัน ไปได้ห้าคำเอง…..

นโม นโม สาธุ