Trip 01/2009 เรื่องขี้ๆ ก็เป็นกลยุทธ
เรื่องคำสาบนี่ มีตำนานอยู่หลายที่นะครับ
นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง
ว่ากันว่ามีหนุ่มจากไทย ข้ามฝั่งมาที่ ลังกาวี และ ได้ภรรยาเป็นคนที่นี่
จากนั้นได้กำเนิดบุตรสาวที่ เมื่อโตขึ้น มีความงาม เป็นที่โจษจันทน์กันไปทั่ว
นามว่า นางมัสซูรี
นางมัสซูรี นี่ ว่ากันว่าสวยงามกว่าหญิงใดๆ
เรื่องรู้ไปถึง น้องชายเจ้าเมืองใหญ่ จึงได้เดินทางมาพบ และ ต่อมาก็รักกันและได้ทำการสมรสด้วยกัน
ทั้งคู่ครองรักกันอย่างมีความสุข
แต่ต่อมา เจ้าชาย พระสวามี มีภารกิจต้องออกไปรบที่หัวเมือง ตอนที่พระนางกำลังตั้งท้อง
ทำให้ต้องคลอดโดยไม่ได้มี สวามีมาให้กำลังใจ
สร้างความทุกข์ให้พระนางยิ่งนัก
ความงาม และ ความดี ของนางถึงมีมากอย่างไร ก็ ยังมีคนที่คิดไม่ดี อิจฉาริษยาอยู่ เพราะพระนางให้กำเนิดบุตรชาย
จริงๆ แล้วพระนางมัสซูรี จะเป็น พระชายา ครับ แต่ พอให้กำเนิดบุตรชาย ก็มีโอกาสเป็น ปะไหมซูหรี ซึ่งเป็นตำแหน่ง เมียใหญ่
ความอิจฉาริษยา ก็เกิดแก่คนอีกกลุ่ม
ครานึง มีคนรอดตายจากเรืออัปปาง และ ได้ พระนางช่วยเหลือเอาไว้
หนุ่มคนนั้นได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านของพระนาง ..เรื่องแว่วไปถึงหู นางที่ริษยา พระนางอยู่
จึงได้ใส่ร้าย ว่า พระนางคบชู้ นำชายอื่นไว้ในบ้าน ช่วงที่สามีไปออกศึก
เรื่องอย่างนี้ ที่นั้นเค้าเล่นกันแรง โทษของพระนางจึงถึงซึ่งประหาร
เพชรฆาต ใช้ดาบแทงพระนาง หมาย ปลงพระชนม์ แต่ แทงไม่เข้า
จนต้องอัญเชิญ กริช ของราชวงศ์ มาแทง
นางอธิษฐานไว้ ว่าถ้าไม่ผิด ขอให้เลือดออกมาเป็นสีขาว
เลือดที่พุ่งออกมานั้นกลายเป็นสีขาว เป็นเครื่องหมายความบริสุทธิ์ของพระนาง
ก่อนพระนางจะสิ้นพระชนม์นั้น ได้ สาปเอาไว้
ด้วยเหตุที่ พระนางต้องสิ้นพระชนม์ ทั้งๆ ที่ไม่ผิด
ให้ลังกาวี ตกต่ำ ไม่พบกับความเจริญ ไปอีกเจ็ดชั่วโคตร…
เจ็ดชั่วโคตร Later…
ลังกาวี เค้าเจริญแล้วครับ พี่ป๋องเลยมาเที่ยวอยู่นี่ไง
แล้ววันนี้ก็ได้มาดู Aquarium ที่นี่ด้วย ไม่ใหญ่ไม่โต ครับ พอๆ กับบ้านเราในหลายๆ ที่
ยกเว้นที่ Paragon ที่จนแล้วจนรอดไม่เคยได้เข้าไปสักที เพราะ เข้าไปทีไร ก็เลี้ยวเข้าโรงหนัง ทุ้กกกกที
ออกจาก Aquarium ก็ พาไป ที่บ้านของพระนางนี่แหล่ะครับ
กลายเป็น Point of interest อีกจุดหนึ่ง
เห็น ไกด์ กระซิบว่า ตอนแรก เล็กครับตอนหลังก็สร้างกันใหญ่โต … ส่วนใหญ่ก็เงินคนไทยที่มาเที่ยว มาซื้อของนั่นแหล่ะครับ
ด้านในก็จะมีบ้านไม้ และ บ่อน้ำ ที่ว่ากันว่า ศักดิ์สิทธิ์ เพราะมีมานาน และ ไม่เคยแห้งเลย
โปรแกรมมาเสร็จสิ้น เอามื้อเย็นสุดหรู และ รายการ shopping ที่มีร้าน Duty Free เปิดอยู่
ตัวห้างมีสองชั้นครับ
ของไม่ได้เยอะมากมายอะไรครับ หลักๆ ก็ จะเป็นพวก เหล้า Wine ที่ราคา ถูกกว่าบ้านเราค่อนข้างมาก
ด้านบน ก็จะเป็นพวกของเล่น น้ำหอม กระเป๋า
ส่วนนาฬิกา ดูแล้ว รุ่นไม่ค่อยใหม่ และ ราคาไม่ได้หนีกันกับเราเท่าไหร่
งานนี้ เลย ใช้เงินจับจ่ายไปไม่มากนัก
เรียกว่า "สบายใจจัง ตังส์อยู่ครบ" ประมาณนั้นเลย
ตอนจะกลับนี่ล่ะครับ วุ่นๆ กันหน่อย เพราะ พอพี่ๆ เค้าขึ้นรถหมดแล้ว เราจะขึ้นไปคนสุดท้าย
มีอันต้องชะงัก เพราะ โสตสัมผัสด้านกลิ่น มันตรวจจับกลิ่นประหลาดได้
"ใครเหยียบขี้ ขึ้นรถมาครับ…." ปากไว โดยไม่สงวนท่าที ของพี่ป๋อง ทำเอา พี่ๆ ในรถ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
โห นั่งเหม็นกันอยู่ได้ ไม่มีใครทักใคร พอ ทักขึ้นมา ทุกคน เช็ครองเท้ากันเป็นแถว
"ว้าย..ตายแล้ว เหยียบมาตอนไหนเนี่ย…" เสียง แจ้ว จาก "พี่คนนึง" ดังมาจากท้ายรถ
สิ้นเสียง เจ้าตัว รีบลงจากรถ ไปทำการล้างซะ
หลังจากนั้น ปรากฏว่าเจ้าของรถ ต้องเอาผ้ายางที่ปู ไปทิ้งอยู่หลายชิ้น เพราะ "สะเก็ดระเบิด" ที่ปรากฏ อยู่ ตลอดทางที่"พี่คนนั้น" เดินไป ยังคงทำงานอย่างได้ผลดี เพราะส่งกลิ่น ตลอดเวลา…
อันนี้ถ้ามองเป็นกลยุทธ จะเห็นว่าเจ้าของรถ สามารถแก้ปัญหา ลูกทัวร์บ่น ว่า แอร์ไม่เย็น ได้อย่างชะงัดนัก
เพราะทุกคนนอกจากจะเลิกบ่น เรื่องแอร์แล้ว ยังพร้อมใจกันเปิดหน้าต่างรถ วิ่งไปจนถึงที่พัก
…ลงทุนเสียแค่ผ้ายาง ปูพื้น ไม่กี่แผ่นเท่านั้นเองครับ เหอ เหอ…
……………………………………………………….(จะลากจุดทำไม)
เป็นอันว่าจบ Trip หนึ่ง Trip แรกของปีนี้นะครับ ที่ติดไว้ ไมได้เขียน ซะข้ามเดือน
ใครเข้ามา แล้วงง ก็กลับไปอ่านได้ครับ
ตอนหนึ่ง Trip แรก
ตอนสอง รักเด็ก
ตอนสาม เกาะลังกาวี
สนใจเรื่องพระนางมัสซูรี เห็นน้องคนนึงเล่าไว้อ่ะครับ ลองไปอ่านดูที่ Link นี้ครับ