12 Apr 14 ได้กลับไปถิ่นเก่า ที่โพนพิสัย หนองคาย ปีนี้นอกจากจะเป็นเทศกาลสงกรานต์แล้ว เพื่อนๆ ก็นัด Meeting กัน โดยจัดเป็นงานเลี้ยงรื่นเริง

เพื่อนกลุ่มนี้หลังเรียนจบก็แยกย้าย บางคน แยกมาตั้งแต่ ม. 2 อย่างปืน พิฑูรย์ ที่ย้ายตามครอบครัว หรือ อย่างผมที่มาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ตามความตั้งใจของพ่อ นับดูแล้วก็ 33 ปี แล้วที่ไม่ได้เจอะเจอกัน

แต่ด้วย Social network ทั้ง Facebook ทั้ง Line ทำให้ติดตามเพื่นที่อยู่ไกล ได้ง่ายขึ้น

เพื่อนๆ ที่ยังอยู่ที่โพนพิสัย เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงจัดงานโดยปีนี้ได้เชิญอาจารย์ ที่พวกเราเคยเป็นลูกศิษย์ มาร่วมรดน้ำดำหัว และ รับประทานอาหารด้วยกัน

งานนี้อาจารย์ ดีใจมากเพราะเห็นลูกศิษย์ที่สอนสั่ง เติบใหญ่ได้ดีในชีวิต… และอาจารย์ ขอบคุณที่ จัดงานเลี้ยง มุทิตาจิต ให้…

คำนี้ สะกิดใจผม เพราะ คุ้น กับ พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา (สมัยเด็กมีเรียนวิชาศีลธรรม) คำว่า ‘มุทิตา’ หมายถึงความเป็นผู้มีใจชื่นชมยินดีในเมื่อผู้อื่นได้ดีหรือได้รับความสำเร็จอย่างใดอย่างหนึ่ง

ผมเข้าใจว่า การรับราชการจนเกษียณ ถือเป็นความสำเร็จ ที่น่าชื่นชม ได้ พักผ่อน ไม่ต้องทำงาน
เมื่อเรารู้สึกยินดี โดยปราศจากความอิจฉาริษยา ฉะนั้นจึงเรียกเป็นคำเต็มได้ว่ามุทิตาจิต

คำคำนี้นิยมใช้นะครับ … ลองจำไปใช้ดู

image